สนค.เผยผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางและจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ พบประชาชนมีแผนเดินทางเพิ่มขึ้น ชลบุรี เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น และภูเก็ต เป็น 5 จังหวัดปลายทางยอดนิยม ส่วนการจับจ่ายใช้สอย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นค่าอาหารมากสุด ตามด้วยค่าเดินทาง และของฝาก แต่เข้าวัดทำบุญลด คาดทั้งสงกรานต์เงินสะพัดกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเดือน มี.ค.2567 ที่ผ่านมา จำนวน 4,728 ตัวอย่าง ครอบคลุมประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ว่า ประชาชนมีแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดสงกรานต์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2565 อย่างชัดเจน โดยจังหวัดปลายทางยอดนิยม คือ ชลบุรี เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลักที่จะเตรียมจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” และการจับจ่ายใช้สอยในส่วนของกลุ่มกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เล็กน้อย และมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านอาหารสูงที่สุด โดยคาดการณ์ยอดค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 จะมีไม่ต่ำกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับรายละเอียดผลการสำรวจ ประชาชนที่มีแผนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีสัดส่วนร้อยละ 25.81 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด แบ่งเป็นการเดินทางไปต่างจังหวัด ร้อยละ 23.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากการสำรวจเมื่อปี 2565 ที่มีร้อยละ 10.68 โดยจังหวัดปลายทาง 5 อันดับแรก ใกล้เคียงกับผลสำรวจปี 2565 คือ ชลบุรี เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น และภูเก็ต ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศ มีเพียงร้อยละ 2.32
ส่วนผู้ที่ไม่มีแผนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในภาพรวมให้เหตุผล 3 อันดับแรก คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 47.55 ไม่ชอบเดินทาง ร้อยละ 26.46 และดูแลครอบครัว ร้อยละ 19.10
ทั้งนี้ ยานพาหนะที่นิยมใช้เดินทางไปต่างจังหวัด 3 อันดับแรก คือ รถส่วนตัว ร้อยละ 76.03 ซึ่งได้รับความนิยมสูงในทุกระดับรายได้ รถทัวร์ ร้อยละ 7.62 ซึ่งจะนิยมใช้ในกลุ่มที่มีรายได้ระหว่าง 10,001–30,000 บาท/เดือน และเครื่องบิน ร้อยละ 5.52 ซึ่งจะนิยมใช้ในกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท/เดือน
ทางด้านวงเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายตลอดการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในภาพรวมประชาชนที่มีแผนเดินทางคาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 2,000–5,000 บาท/คน ร้อยละ 36.17 ตามด้วยระหว่าง 5,001–10,000 บาท/คน ร้อยละ 33.17 ระหว่าง 10,001–20,000 บาท/คน ร้อยละ 15.93 และมากกว่า 20,000 บาท ร้อยละ 6.51
ขณะที่การพิจารณาตามระดับรายได้ พบว่า กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่ง ร้อยละ 47.47 คาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 2,000–5,000 บาท/คน รองลงมาคือระหว่าง 5,001–10,000 บาท ร้อยละ 25.35 กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 10,001–30,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 5,001–10,000 บาท ร้อยละ 37.54 รองลงมาคือระหว่าง 2,000–5,000 บาท/คน ร้อยละ 36.68 กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 30,001–50,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่าย 5,001–10,000 บาท/คน ร้อยละ 30.43 รองลงมาคือระหว่าง 10,001–20,000 บาท/คน ร้อยละ 26.81 และกลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 50,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่าย 10,001–20,000 บาท/คน ร้อยละ 23.91 รองลงมาคือระหว่าง 5,001–10,000 บาท/คน ร้อยละ 17.39
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ระดับการใช้จ่ายที่สูงกว่า 10,000 บาท ร้อยละ 22.44 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2565 ร้อยละ 20.11 สะท้อนว่า การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ประเภทค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 อันดับแรก คือ ค่าอาหาร ร้อยละ 37.69 ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง และระดับราคาที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ค่าเดินทาง ร้อยละ 31.16 ซึ่งปรับลดลงจากการสำรวจเมื่อปี 2565 ค่อนข้างมาก และของฝาก ร้อยละ 13.97 ปรับลดลงจากการสำรวจเมื่อปี 2565 ที่อยู่ที่ร้อยละ 16.31 ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายศาสนกิจ เหลือร้อยละ 0.90 ลดลงค่อนข้างมากจากการสำรวจในปี 2565 ที่อยู่ที่ร้อยละ 3.26
“เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เป็นโอกาสของผู้ประกอบการและผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม ในการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์เล่นน้ำ ของฝาก และของที่ระลึกในสถานที่จัดงาน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และริมเส้นทางถนนไปจังหวัดต่าง ๆ โดยคาดว่าจะเกิดการจับจ่ายใช้สอยและสร้างรายได้จำนวนมหาศาล”
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการตรวจมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมันในจังหวัดต่าง ๆ แล้ว และจะตรวจสอบและติดตามสถานการณ์จำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างใกล้ชิด ทั้งในสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้าในทุกภาคส่วน ทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และเพื่อให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมั่นใจตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้