xs
xsm
sm
md
lg

“นภินทร” ดัน SME ใช้ประโยชน์กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เข้าถึงเงินทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นภินทร” ดัน SME ใช้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ในการนำทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้เงิน เผยมีสถาบันการเงิน 9 แห่งพร้อมช่วยเหลือ พร้อมจัดลงนาม MOU 5 หน่วยงาน อำนวยความสะดวกประชาชนและธุรกิจ ตรวจสอบข้อมูลการติดหลักประกัน ล่าสุดมีการทำหลักประกันแล้ว 8.3 แสนคำขอ มูลค่า 16.99 ล้านล้านบาท

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน มหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ ว่า การจัดงานในครั้งนี้ มีเป้าหมายช่วยสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยใช้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจ สามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจหรือทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการชำระหนี้ได้ โดยทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจที่นำมาประเมินได้ อาทิ กิจการ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก สิทธิการเช่า ลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาซื้อขาย สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และไม้ยืนต้น

ทั้งนี้ ภายในงาน มีสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยเครดิต บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) มานำเสนอสินเชื่อเพื่อธุรกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และมีสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย มาร่วมให้บริการประเมินราคาทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการจะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงมูลค่าของทรัพย์สินเบื้องต้นด้วย

ขณะเดียวกัน มีการจัดบูธให้ความรู้เกี่ยวกับทรัพย์หลักประกันของหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร) กรมเจ้าท่า (เรือ) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (เครื่องจักร) กรมการขนส่งทางบก (รถยนต์) และหน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ มาร่วมให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์หลักประกันประเภทไม้ยืนต้น ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (BEDO) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (บูธไม้ยืนต้น)


นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 5 หน่วยงาน ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมเจ้าท่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมการขนส่งทางบก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์มีทะเบียน ให้สามารถตรวจสอบข้อมูลการติดหลักประกันได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

“การจัดงานในครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน 7 ด้านของกระทรวงพาณิชย์ โดยหนึ่งในนั้น คือ เร่งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME และผลักดันการเพิ่มสัดส่วน GDP SME ของไทยจาก 35.2% เป็น 40% ภายในปี 2570 โดยการเพิ่มโอกาสให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน ก็ถือเป็นหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้กับ SME และทำให้สัดส่วน GDP ของ SME ขยายตัวเพิ่มขึ้น”นายนภินทรกล่าว

ปัจจุบัน มีสถิติจำนวนการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจและมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ตั้งแต่ 4 ก.ค.2559-24 มี.ค.2567 จำนวน 830,288 คำขอ มูลค่า 16,991,811 ล้านบาท

สำหรับงานดังกล่าว กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.2567 เวลา 08.00-17.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,000 คน มียอดการจับจ่ายสินค้าภายในงานกว่า 1.8 ล้านบาท และช่วยจุดประกายไอเดียแก่ผู้สนใจเริ่มลงทุนหรือผู้ที่ริเริ่มประกอบธุรกิจ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 5048 e-Mail : stro@dbd.go.th สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th


กำลังโหลดความคิดเห็น