SPCG คาดปีนี้กำไรปรับลดลงเล็กน้อย เหตุโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 13 โครงการหมด Adder ในปีนี้ แต่มีรายได้จากโซลาร์ รูฟท็อปที่มียอดขายปีนี้ 1.2-1.5 พันล้านบาท พร้อมเร่งผลักดันโครงการโซลาร์อีอีซี 500 เมกะวัตต์ หลังติดปัญหาใบอนุญาตจากทางภาครัฐ
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยแนวโน้มกำไรปี 2567 บริษัทคาดว่าอาจปรับตัวลดลงจากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,974 ล้านบาท เนื่องจากปี 2567 โครงการโซลาร์ฟาร์มของบริษัทหมด Adder อีกจำนวน 13 โครงการ ทำให้ปี 2568 โครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการหมด Adder ทั้งหมด แต่ก็ขายไฟฟ้าในอัตราค่าไฟฐานที่ 3.40-3.60 บาท/หน่วย แต่ในปีนี้จะมีรายได้จากบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR ซึ่งดำเนินธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) เข้ามาชดเชยเพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าปีนี้รายได้จากโซลาร์รูฟท็อปอยู่ที่ 1,200-1,500 ล้านบาท เน้นลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ (MW) ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะดำเนินการโดยได้จัดซื้อที่ดินแล้ว 3,000 ไร่ กระจายในพื้นที่ 3 จังหวัด ทั้งฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง แต่โครงการดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้เพราะติดขัดเรื่องเอกสารใบอนุญาตจากภาครัฐ ซึ่งผู้บริหาร SPCG พยายามผลักดันโครงการดังกล่าวคาดว่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
หากบริษัทได้รับใบอนุญาตแล้ว SPCG จะสามารถเดินหน้าก่อสร้างติดตั้งโซลาร์ฯ เฟสแรก 300 เมกะวัตต์ได้ทันที โดยจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ส่วนเฟสถัดไปอีก 200 เมกะวัตต์จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีเช่นกัน ดังนั้นทั้งโครงการ 500 เมกะวัตต์จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 2 ปี ส่วนงบลงทุนโครงการโซลาร์อีอีซีนั้น เดิมเคยขออนุมัติบอร์ดฯ ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท แต่พบว่าราคาอุปกรณ์ปรับลดลง คาดว่ามูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าโครงการโซลาร์อีอีซีไม่ได้อยู่ในแผน PDP ฉบับใหม่ของกระทรวงพลังงานนั้น การจัดทำแผน PDP เป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ แต่เดิมโครงการโซลาร์อีอีซีเป็นโครงการที่ทางภาครัฐริเริ่มขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เกิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุน ซึ่งบริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมกับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมทั้งลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว มีอัตราค่าไฟฟ้าอ้างอิงราคาขายส่งเฉลี่ยที่ กฟผ. ขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย