กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมเปิดร้าน TOPTHAI Store บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังอีก 4 แพลตฟอร์ม ช่วยสินค้า SMEs ไทยมีโอกาสขายในจีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเมียนมา ล่าสุดมีร้านของไทยบนแพลตฟออร์มต่างๆ แล้ว 11 แพลตฟอร์มใน 13 ประเทศ
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2567 กรมจะเดินหน้าส่งเสริมและผลักดันสินค้าไทยให้มีการซื้อขายทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อขยายโอกาสทางการค้า และขยายตลาดให้ผู้ประกอบการไทย ตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีแผนจะขยายความร่วมมือกับ 3 แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชั้นนำใน 4 ประเทศ เพื่อเปิดร้าน TOPTHAI Store ได้แก่ JD.com ตลาดจีน, Rakuten ตลาดญี่ปุ่น, Letstango ตลาดตะวันออกกลาง และ Klangthai.com ของกัมพูชา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีความร่วมมือกันอยู่แล้ว แต่จะขยายตลาดเพิ่มไปที่เมียนมา ส่งผลให้สามารถเปิดร้านดังกล่าวบน 11 แพลตฟอร์ม และขยายตลาดได้ถึง 13 ประเทศ จากปัจจุบันที่เปิดแล้วบน 8 แพลตฟอร์มชั้นนำใน 9 ประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 67-70 กรมยังจะเพิ่มประเภทสินค้าที่ขายในร้าน TOPTHAI Store ให้หลากหลายมากขึ้น เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าที่เกี่ยวกับ BCG สินค้าดีไซน์ สินค้าฮาลาล และอะไหล่รถยนต์ และจะทยอยขยายให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มสินค้า จากปัจจุบันที่เน้นสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์
สำหรับ TOPTHAI Store เป็นร้านค้าออนไลน์ของกรมที่เปิดอยู่บนแพลตฟอร์ม e-Commerce ชั้นนำในตลาดเป้าหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยที่มีศักยภาพสู่ตลาดโลกผ่านช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดนระดับสากล โดยจุดแข็งของร้าน TOPTHAI คือ จำหน่ายสินค้าในระดับท็อปๆ และมีเอกลักษณ์จากไทย ผ่านการคัดสรรจากหน่วยงานรัฐบาล ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าสินค้าจากร้าน TOPTHAI จะเป็นสินค้าคุณภาพดีจากประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังช่วยให้เอสเอ็มอีไทยมีโอกาสทดลองตลาด ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยทำประชาสัมพันธ์และการตลาดให้ด้วย และล่าสุดมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 2,100 บริษัท สร้างมูลค่ากว่า 656 ล้านบาท
ปัจจุบันมีเปิดแล้วบน 8 แพลตฟอร์ม ใน 9 ประเทศ ได้แก่ Amazon (สหรัฐฯ) สำหรับอาหารสุขภาพและความงาม, Tmall China (จีน) สำหรับอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม, Bigbasket (อินเดีย) สำหรับอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม, Klangthai.com (กัมพูชา) สำหรับอาหาร สุขภาพ เครื่องสำอาง ไลฟ์สไตล์ ของแต่งบ้าน, Blibli.com (อินโดนีเซีย) สำหรับอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์, PChome Thai (ไต้หวัน) สำหรับ Thai Design แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาหารสำเร็จรูป, Shopee (สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) สำหรับสินค้าไทย และ Lazada (สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) สำหรับสินค้าไทย
นายภูสิตกล่าวว่า กรมได้เตรียมจัดงาน SPLASH - The New Creative Culture Power ในเดือน มิ.ย. 2567 เพื่อแสดงศักยภาพของ 11 อุตสาหกรรม Soft Power ได้แก่ ภาพยนตร์ เกม อาหาร กีฬา ท่องเที่ยว เฟสติวัล ดนตรี การออกแบบ ศิลปะ หนังสือ และแฟชั่น สู่สายตาชาวโลก อีกทั้งยังสร้างการรับรู้ด้าน Soft Power ส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ระดับสากล รวมถึงผลักดัน Soft Power Forum ให้เป็นแพลตฟอร์มในรูปแบบการจัดงานที่สามารถจัดในประเทศเป้าหมายได้ เพื่อนำเสนอ Thailand Soft Power สู่สายตานานาชาติ โดยภายในงาน SPLASH มีประเทศเป้าหมายที่จะเชิญเข้าร่วมงาน เช่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย จีน เป็นต้น