xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ดันส่งออกสินค้า SMEs จ่อเซ็น MOU ขายในปั๊มจีน ดึง Big C ฮ่องกงซื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดันสินค้า SMEs ไทยออกสู่ตลาดโลก เตรียมเซ็น MOU กับ Sinopec นำสินค้าไปจำหน่ายในปั๊มน้ำมันของจีน 2 หมื่นแห่ง จับมือพาณิชย์จังหวัดช่วยขาย ประสบผลสำเร็จแล้ว ทั้งขายกล้วยหอม สับปะรดกระป๋อง จ่อคิวปิดดีลอีกเพียบ พร้อมนำผู้ส่งออกลงนาม Big C ฮ่องกง ซื้อสินค้าไปขาย ลุยต่อดันสินค้าและบริการไทยผ่านซีรีส์วาย ยูริ ใช้อินฟลูเอนเซอร์ขายสินค้า บูม Soft Power

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย ออกสู่ตลาดโลก ตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยวันที่ 25 มี.ค. 2567 กำหนดจัดการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กับประธานบริษัท Sinopec จำกัด ของจีน เพื่อนำสินค้าไทยไปจำหน่ายในร้าน Easy Joy ซึ่งคล้ายๆ กับเซเว่นอีเลฟเว่นของไทย ในปั๊มน้ำมันของ Sinopec ในประเทศจีนจำนวน 20,000 แห่ง โดยจะมีการจัดกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจในระหว่างการลงนาม MOU เพื่อคัดเลือกสินค้าไปจำหน่ายทันที โดยมีสินค้าเป้าหมายที่จะผลักดัน เช่น ขนมขบเคี้ยว ผลไม้แปรรูป หมอนยางพารา และเครื่องดื่ม เป็นต้น

สำหรับการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร และสินค้า SMEs ผ่านการทำงานของทีมพาณิชย์ระหว่างพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ก็มีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา กับทูตพาณิชย์โตเกียว ช่วยให้มีการซื้อขายกล้วยหอมไทย จ.นครราชสีมา 5,000 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กับทูตพาณิชย์อิหร่าน ช่วยขายสับปะรดกระป๋อง ได้ 200 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ทูตพาณิชย์สเปน กับพาณิชย์จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ ช่วยขายกาแฟ สู่ตลาดสเปน โปรตุเกส ผลักดันสินค้า BCG เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นผ่านคาเฟ่ อเมซอน ทูตพาณิชย์ซิดนีย์กับพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น สินค้าแมลง ทูตพาณิชย์มอสโกกับพาณิชย์จังหวัดชลบุรี สินค้าเครื่องสำอางสกัดจากสารธรรมชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการจัดลงนาม MOU ระหว่างห้าง Big C ในฮ่องกง กับผู้ส่งออกไทย ในวันที่ 10 มี.ค. 2567 โดยนายภูมิธรรมเป็นประธาน ที่ฮ่องกง โดยจะผลักดันสินค้าไทยไปจำหน่ายในสาขาของห้างในฮ่องกงที่มีอยู่ 24 สาขา และจะเพิ่มเป็น 99 สาขาต่อไป คาดว่าจะมีการซื้อสินค้าไทย 250 รายการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

นายภูสิตกล่าวว่า กรมยังมีแผนที่จะเดินหน้าการตลาดรูปแบบใหม่ โดยในส่วนของการใช้ซีรีส์วาย และซีรีส์ยูริ ผลักดันสินค้าและบริการไทยสู่ตลาดโลก ล่าสุดได้ทำการคัดเลือกสินค้าได้แล้ว 49 รายการ และมีการนำเสนอให้บริษัท บี ออน คลาว จำกัด ที่จะถ่ายทำซีรีส์ ชาย และบริษัท ไอดอล แฟทอรี่ จำกัด ที่จะถ่ายทำซีรีส์ ปิ่นภักดิ์ ได้คัดเลือกสินค้าแล้ว โดยบี ออน คลาว สนใจแอลกอฮอล์ ขนมขบเคี้ยว และสมุนไพร ส่วนไอดอล แฟคทอรี่ สนใจผ้าไทย และยังมีผู้ประกอบการรายอื่นที่สนใจมาร่วมมืออีก เช่น แกรมมี่ อาร์เอส และทีวี ซีน และรายอื่นๆ อีกมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา และยังมีกำหนดจัดงานมหกรรมส่งเสริมสินค้าและบริการไทยผ่านซีรีส์วายและยูริ ในวันที่ 21 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ด้วย

ส่วนการใช้อินฟลูเอนเซอร์มาช่วยขายสินค้าไทย ขณะนี้ได้ทำการคัดเลือกสินค้าจากผู้ประกอบการไทยแล้ว มีผู้สนใจ 200-300 ราย ส่วนอินฟลูเอนเซอร์ก็แสดงความสนใจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า เดือน พ.ค. 2567 จะเริ่มจัดกิจกรรมไลฟ์ คอมเมิร์ซเพื่อขายสินค้าไทยได้ ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะขับเคลื่อน Soft Power ของไทย ทั้งการส่งเสริมภาพยนตร์ และซีรีส์ของไทย เกม มวยไทย อาหารไทย ออกสู่ตลาดต่างประเทศด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น