บาฟส์ วอนรัฐทบทวนภาษีน้ำมัน หลังจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงถึง 2.9% ภายหลังมาตรการปรับภาษีน้ำมันเครื่องบินเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุปสรรคไทยสู่ “ฮับการบินโลก”
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบาฟส์ ร่วมงานแถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมขานรับนโยบายพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยทุกมิติสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ “บาฟส์” (BAFS) เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐให้ความสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทย และผลักดันแผนการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยทุกมิติสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) วางเป้าหมายพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติด 1 ใน 20 ของโลก ซึ่งบาฟส์เป็นผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยานแก่สายการบินต่างๆ ที่ใช้บริการในท่าอากาศยานหลักของไทยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเส้นทางในประเทศ เป็นปัจจัยที่กระทบต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ โดยจากข้อมูลล่าสุด จำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงถึง 2.9% ภายหลังมาตรการปรับภาษีน้ำมันเครื่องบินเมื่อปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศ และเป็นอุปสรรคในภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมการบินในประเทศ และภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองรอง ที่ไม่สามารถเติบโตได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการบินระดับโลกในระยะยาว
ทั้งนี้ บาฟส์เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญของโลก ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล และเชื่อมั่นในการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ด้วยการส่งเสริมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF (Sustainable Aviation Fuel) ในประเทศ โดยบาฟส์ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มาโดยตลอด ร่วมกับพันธมิตรสำคัญ คือ กลุ่มบางจาก และมิตรผล รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านการให้บริการ และตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า SAF ที่บาฟส์ให้บริการจะมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมให้บริการแก่สายการบินต่างๆ นำพาภาคอุตสาหกรรมการบินรุดหน้าสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต