นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน บูรณาการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งกรมศุลกากร การท่าเรือแห่งประเทศไทย ตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองในพื้นที่ เฝ้าติดตามตรวจสอบการลักลอบนำเข้าและการขนย้ายสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระเทียมและหอมหัวใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้เป็นห้วงเวลาที่ผลผลิตกระเทียม หอมแดง และหอมหัวใหญ่ของไทยออกสู่ตลาดอาจจะกระทบต่อราคาผลผลิตของเกษตรกรและทำให้ผลผลิตราคาตกต่ำ โดยมุ่งเน้นตรวจสอบพื้นที่ต้นทางการนำเข้าและเขตผ่านแดนซึ่งเป็นจุดผ่านการขนย้ายสินค้า ที่สำคัญ อาทิ ด่านศุลกากรวังประจัน จังหวัดสตูล ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีและเส้นทางต่างๆ ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรองที่คาดว่าจะขนย้ายสินค้าเกษตร รวมถึงตรวจสอบปลายทางการขนย้ายในแหล่งรวบรวมผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญทุกพื้นที่
จากการนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน ร่วมกับเจ้าหน้าที่นายตรวจกองชั่งตวงวัด เฝ้าสังเกตการณ์และตั้งด่านตรวจสอบบริเวณพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นต้นทางการนำเข้าและขนย้ายสินค้าเกษตรที่สำคัญ รวมทั้งตรวจสอบผู้นำเข้า ห้องเย็นสถานที่จัดเก็บสินค้าเกษตร และผู้ค้าส่ง-ค้าปลีก เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้า บริเวณตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมและกระจายสินค้าขนาดใหญ่ พบว่า ผู้ขนย้ายสินค้าเกษตรให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบการมีการจัดทำบัญชีรับฝากสินค้าและแจ้งปริมาณครอบครองถูกต้องตามบัญชี
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการตรวจสอบดังกล่าวเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตสินค้าเกษตรตกต่ำและรักษาความเป็นธรรมทางการค้าอีกแนวทางหนึ่งของกรมการค้าภายใน และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเข้มงวดตรวจสอบลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ประสานข้อมูลและสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการนำเข้าและการขนย้ายสินค้าเกษตร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบสินค้าเกษตรมากยิ่งขึ้น และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีไม่แจ้งข้อมูลตามข้อกำหนดของกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกร สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ