“สินนท์ ว่องกุศลกิจ”ว่าที่ซีอีโอคนใหม่ บ้านปู ลั่นอายุน้อยไม่ใช่อุสรรคในการนำทัพบ้านปูสู่ทศวรรษที่ 5 เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เร่งทรานฟอร์มสู่พลังงานยั่งยืนมากขึ้น เน้นสร้างกระแสเงินสด และลดต้นทุนการผลิต พร้อมรุกธุรกิจ Strategic Minerals ทั้งเหมืองแร่ทอง-ทองแดง ลั่นปีนี้อัดงบลงทุน700ล้านเหรียญสหรัฐ มั่นใจผลดำเนินงานปี67โตขึ้นมาจากราคาก๊าซฯและถ่านหินที่สูงขึ้น
วันนี้(1มี.ค.) บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย แถลงปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารตามมติของคณะกรรมการบริษัท ชูความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านผู้นำ (Leadership Transformation) โดยเป็นบริษัทพลังงานที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ขึ้นนำทัพขับเคลื่อนการบริหารธุรกิจได้อย่างราบรื่น หลังจากคณะกรรมการบริษัทฯมีมติแต่งตั้งนายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นไป
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ บมจ. บ้านปู กล่าวว่า ในช่วงปี2567-68 ยังสานต่อกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเร่งทรานฟอร์มสู่พลังงานยั่งยืนมากขึ้นและการเติบโตที่สร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแรง พร้อมกับลดต้นทุนการผลิตในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 50% จะรองรับการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และอีก 50 % จะลงทุนในพลังงานสะอาดของ บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด โดยเน้นไปที่ธุรกิจแบตเตอรี่มากขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งบริษัทได้ลงทุนในบริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยานยนต์ 2 ล้อ และ 3 ล้อ รวมไปถึงระบบกักเก็บพลังงาน การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และบริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในจังหวัดชลบุรี กำลังผลิตราว 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง ช่วยให้ไทยเป็นฮับแบตเตอรี่ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งมีการลงทุนในโครงการฟาร์มแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ กำลังกักเก็บพลังงานไฟฟ้า 58 เมกะวัตต์ ที่เมืองโตโนะ (Tono) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจ Strategic Minerals ในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง ในประเทศอินโดนีเซีย และลาว เนื่องจากมีแหล่งสำรองแร่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย นับเป็นการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจถ่านหิน คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนเหมืองนิกเกิล ทางบ้านปูก็ให้ความสนใจเช่นกัน ล่าสุดราคานิกเกิลได้ปรับลดลงแล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาพลังงานอนาคตอย่างไฮโดรเจนและแอมโมเนีย หลังจากมีการศึกษาความเป็นไปได้คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ เพื่อผลักดันแผนลดคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า
นายสินนท์ กล่าวว่าในปี2567 บริษัทจะมีผลการดำเนินงานบ้านปูจะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 5,159 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 179,619 ล้านบาท) ลดลง 2,534 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน และกำไรสุทธิ 160ล้านเหรียญสหรัฐ(เทียบเท่า5,434.06 ล้านบาท )ลดลง 87% จากปีก่อน
เนื่องจากปีนี้ราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ถ่านหินยังเพิ่มขึ้น โดยบริษัทคงรักษาการผลิตถ่านหินในปีนี้ไว้ที่ 38ล้านตัน/ปี แบ่งเป็นอินโดนีเซีย 20ล้านตัน ออสเตรเลีย 8 ล้านตันและจีน10ล้านตัน และแหล่งก๊าซในสหรัฐฯจะมีกำลังการผลิตใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 314 พันล้านลูกบาศก์ฟุต นับเป็นผู้ผลิตก๊าซฯรายใหญ่สุดในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ขณะที่ราคาถ่านหินปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 125-150เหรียญสหรัฐ/ตัน และราคาก๊าซฯน่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส2-3นี้เฉลี่ย 2.5เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งเป็นระดับที่ดี
ส่วนแผนการนำบริษัทย่อย BKV Corporation (BKV) ผู้ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์คนั้น บริษัทกำลังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซฯ ซึ่งหากปรับตัวดีขึ้นก็มีโอกาสที่จะดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
"การที่เราอยู่ใน Up Stream ทำให้เรามองภาพของ Energy Outlook ได้ไกลมากขึ้น และวางแผนได้แม่นยำมากขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกประเทศ มุ่งเน้นไปยังพลังงานสะอาด แต่ก็ยังมีความต้องการถ่านหินในประเทศสหรัฐ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย หรืออาเซียน ทำให้ต้องมีการบาลานซ์กันระหว่างพลังงานหมุนเวียนกับพลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆ ในช่วงระยะกลางถึงยาว"
นายสินนท์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีอายุ 34 ปีการเข้ารับตำแหน่งCEOบ้านปู ในวันที่ 2เม.ย.นี้ มองว่าอายุน้อยไม่ใช่อุปสรรคในการนำทัพกลุ่มบ้านปูก้าวสู่ทศวรรษที่5 มองว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายและมีความมั่นใจ เนื่องจากได้เข้ามาทำงานในบ้านปูมานาน 10ปี โดยส่วนตัวความชอบอยู่ที่ Down stream และ Climate Tech ตั้งแต่ตนไปทำงานอยู่ที่ บ้านปู เน็กซ์ มาก็ได้เสริมสร้าง Synergy ของ บ้านปู เน็กซ์ ให้มีครบถ้วนมากขึ้น ในเรื่องของ Net Zero Solution และเติบโตไปในเอเชียแปซิฟิกได้ สำหรับสิ่งที่จะมุ่งเน้นมากขึ้น คือ เรื่องของ Decarbonization และ ดิจิทัล รวมถึง AI ที่เป็นเทรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจที่มีอยู่ ทั้งถ่านหิน,ก๊าซธรรมชาติ, Power Generation รวมถึง Energy Technology ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
นายสินนท์ เป็นบุตรชายของนายชนินทร์ ว่องกุศลกิจประธานกรรมการบมจ.บ้านปู ได้สําเร็จการศึกษาหลักสูตรปริญญาโท Global Management pathway in Finance and Business Developmentมหาวิทยาลัย Regent's Universityและหลักสูตรปริญญาตรี Business and Marketing Managementมหาวิยาลัย Oxford Brookes University ประเทศอังกฤษ
เริ่มทำงานในกับบ้านปูเมื่อปี 2557โดยดูแลรับผิดชอบงานด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์ที่หลากหลายทางด้านกการเงินการลงทุนการจัดการโครงการระหว่างประเทศมีส่วนร่วมในโครงการเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งการตัดสินใจด้านการเป็นและสินทรัพย์การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจให้เติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarterรวมถึงเป็นเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านองค์กร(Banpu Transformation)ตลอดจนมีบทบาทในการนำบมจ.บ้านปูเพาเวอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2559การควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่มบ้านปูเพื่อก่อตั้งบ้านปูเน็กซ์และการขายบริษัทSunseap GroupPte,Ltd. (“Sunseap”) ฯลฯ