“พาณิชย์”เผยผลวิเคราะห์การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ปี 66 พบมีสัดส่วนแค่ 17.3% ของการส่งออกทั้งหมด ที่เหลือเป็นสินค้าอุตสาหรรมถึง 78.6% เจาะลึกไปพบ 5 สินค้า “ผลไม้ ข้าว ไก่ มันสำปะหลัง และยางพารา” มีมูลค่าการส่งออกรวมกัน สัดส่วนถึง 87.7% ของการส่งออกเกษตรทั้งหมด และพึ่งพาตลาดหลักไม่กี่ตลาด อย่างจีนมีสัดส่วนสูงถึง 42% แนะเพิ่มความหลากหลายสินค้า กระจายตลาด ลดความเสี่ยง
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลการวิเคราะห์การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ของปี 2566 จากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า ในปี 2566 ไทยส่งออกภาพรวม มูลค่า 284,561.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร คิดเป็นสัดส่วน 17.3% ของมูลค่าการส่งออกรวม และส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม สัดส่วน 78.6% ที่เหลืออีก 4.1% เป็นสินค้าแร่และเชื้อเพลิง
โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรสัดส่วน 17.3% นั้น มีมูลค่า 49,203.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.69 ล้านล้านบาท) แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 26,801.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.92 ล้านล้านบาท) สัดส่วน 9.4% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 22,401.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (มูลค่า 0.77 ล้านล้านบาท) สัดส่วน 7.9%
ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าเกษตรส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.ผลไม้ 6,941.6 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 25.9% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร 2.ข้าว 5,144.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 19.2% 3.ไก่ 4,082.3 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 15.2% 4.มันสำปะหลัง 3,704.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 13.8% และ 5.ยางพารา 3,648.6 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 13.6% รวม 5 อันดับแรก มีสัดส่วน 87.7% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ส่วนสินค้าเกษตรที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ไข่ไก่สด เพิ่ม 72.4% 2.ข้าว เพิ่ม 29.3% 3.ผลไม้ เพิ่ม 22.8% 4.เนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ เพิ่ม 6.2% และ 5.กุ้งอื่น ๆ เช่น กุ้งสำหรับทำพันธุ์ เพิ่ม 6% ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.จีน 11,262.3 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 42.0% 2.ญี่ปุ่น 3,206.0 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 12.0% 3.สหรัฐฯ 1,506.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 5.6% 4.มาเลเซีย 1,189.0 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 4.4% และ 5.อินโดนีเซีย 940.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 3.5% รวม 5 อันดับแรก คิดเป็นสัดส่วน 67.5% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด และตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหราชอาณาจักร เพิ่ม 113.7% 2.ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 63.1% 3.แอฟริกาใต้ เพิ่ม 35.4% 4.สปป.ลาว เพิ่ม 18.5% และ 5.สิงคโปร์ เพิ่ม 11%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 3,477.8 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 15.5% 2.น้ำตาลทราย 3,452.0 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 15.4% 3.อาหารสัตว์เลี้ยง 2,464.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 11.0% 4.ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ 2,432.3 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 10.9 % และ 5.เครื่องดื่ม 2,045.6 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 9.1% รวม 5 อันดับแรก คิดเป็นสัดส่วน 61.9% ของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมด ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.โกโก้และของปรุงแต่ง เพิ่ม 25.6% 2.ผักกระป๋อง และผักแปรรูป เพิ่ม 19.2% 3.น้ำตาลทราย เพิ่ม 10.0% 4.ไอศกรีม เพิ่ม7.3% และ 5.สิ่งปรุงรสอาหาร เพิ่ม 7.1% ตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.สหรัฐฯ 2,867.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 12.8% 2.จีน 2,033.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 9.1% 3.ญี่ปุ่น 1,712.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 7.6% 4.กัมพูชา 1,444.3 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.5% และ 5.อินโดนีเซีย 1,383.2 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.2% รวม 5 อันดับแรก คิดเป็นสัดส่วน 42.2% ของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมด และตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน เพิ่ม 41.6% 2.ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 22.5% 3.สหราชอาณาจักร เพิ่ม 16.1% 4.ไต้หวัน เพิ่ม 12.4% และ 5.เกาหลีใต้ เพิ่ม 12.1%
นายนภินทรกล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าว สินค้าเกษตรส่งออกของไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น อาทิ อาหารแห่งอนาคต สินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูป และสารสกัดจากผลผลิตการเกษตร เพราะสินค้าเกษตรส่งออก 5 อันดับแรก คือ ผลไม้ ข้าว ไก่ มันสำปะหลัง และยางพารา มีมูลค่าการส่งออกรวมกัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 87.7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ไทยพึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตรเพียงไม่กี่รายการ อีกทั้งมูลค่าส่งออกไปยังตลาดส่งออก 5 อันดับแรก คิดเป็นสัดส่วน 67.5% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ซึ่งแสดงว่าไทยพึ่งพาตลาดส่งออกหลักเพียงไม่กี่ตลาดเช่นกัน โดยเฉพาะจีนที่มีสัดส่วนสูงถึง 42.0% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด จึงควรสร้างความหลากหลายของสินค้าและตลาดส่งออกสินค้าเกษตร เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาเพียงบางสินค้าและบางตลาดมากเกินไป
“การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ และกระจายรายได้สู่เกษตรกรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 46% ของประชากรทั่วประเทศ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังช่วยดูดซับผลผลิตส่วนเกินที่ไม่สามารถบริโภคภายในประเทศได้หมด แต่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันสนับสนุนให้เศรษฐกิจภาคเกษตรเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการนำผลการวิจัยและเทคโนโลยีมาช่วยในการเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนด้านต่าง ๆ รวมถึงการปรับโครงสร้างการส่งออกสินค้าเกษตร อาทิ มุ่งสู่การส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ปรับสินค้าส่งออกให้มีความหลากหลายมากขึ้น และกระจายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ควบคู่กับการรักษาตลาดเดิม เช่น สหรัฐฯ จีน และอาเซียน รวมทั้งต้องพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ปฏิบัติตามกติกาการค้าใหม่ ๆ อาทิ ไม่ทำลายหรือบุกรุกพื้นที่ป่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้เป็นไปตามที่ตลาดคู่ค้าต้องการ”นายนภินทรกล่าว