xs
xsm
sm
md
lg

SCC ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20% อัดงบลงทุน 4 หมื่นล้าน-เบรก SCGC เข้าตลาดหุ้น 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCC ตั้งเป้ายอดขายปี 67 โต 20% จากการรับรู้รายได้โครงการ LSP ที่เวียดนามเดินเครื่องจักรเต็มปี และธุรกิจเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ พร้อมอัดงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท เน้นขยายธุรกิจกรีนและเลื่อนแผนนำ SCGC เข้าตลาดหุ้นออกไป 2 ปี ชี้ตลาดไม่เอื้อ
 
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 เติบโตขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 499,646 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงงานปิโตรเคมี ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ( LSP) ที่เวียดนามเดินเครื่องได้เต็มปี รวมทั้งเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี และมีโอกาสเติบโตอีกมาก หากเร่งผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้า

ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 40,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในธุรกิจกรีน หรือนวัตกรรมรักษ์โลก พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีความต้องการและเติบโตอีกมาก


สำหรับภาพรวมธุรกิจเคมิคอลส์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากรัฐบาลหลายประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปทานที่ลดลง โดยบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) จะเร่งพัฒนาพลาสติกรักษ์โลก (GREEN POLYMER)รวมทั้งสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ให้มีสัดส่วนสูงขึ้น เพื่อรองรับความต้องการตลาด โดยบริษัทตั้งเป้าผลิต GREEN POLYMER 1,000,000 ตันในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต GREEN POLYMER ราว 218,000 ตันต่อปี แต่มั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายได้

ส่วนความคืบหน้าการนำ SCGC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ มองว่าภายใน 2 ปีนี้ ยังไม่ใช่จังหวะที่ดี จึงชะลอแผนการขายหุ้น IPO ออกไปก่อน แต่จะเร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปผลิต Green Polymer ให้มากขึ้น เตรียมความพร้อมการเข้าตลาดฯ  ในอนาคตรวมทั้งเป็นช่วงวัฏจักรขาขึ้นของปิโตรเคมี

ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน คาดเติบโตราว 10-15% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และการเร่งผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยปีนี้บริษัทเตรียมออกปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพิ่มขึ้นจากรุ่นแรกอีก 5% รวมเป็น 15% โดยปัจจุบันบริษัทส่งออกปูนคาร์บอนต่ำไปยังตลาดสหรัฐฯ ด้วย


ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง เติบโตต่อเนื่อง เน้นบริหารจัดการต้นทุนด้วยการปรับใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต พร้อมทั้งพัฒนาสมาร์ทโซลูชันตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ที่ต้องการประหยัดพลังงาน มีสุขอนามัยที่ดี ห่างไกล PM 2.5

ธุรกิจเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล เร่งขยายความแข็งแกร่งสู่ตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง อย่างภูมิภาค SAMEA (เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) โดย SCG International ตั้งสำนักงานในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ พร้อมเป็น International Supply Chain Partner บริหารจัดการตั้งแต่การหาแหล่งผลิตสินค้าจนถึงการสร้างตลาดให้คู่ค้าจากทั่วทุกมุมโลก ขยายโอกาสธุรกิจและเจาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (Giga Project)


ธุรกิจเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ พลังงานสะอาดครบวงจร มีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมากจากความต้องการใช้พลังงานสะอาดที่มากขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของโลก และจากจุดแข็งของธุรกิจด้านการบริการด้วยระบบ Smart Grid ที่ช่วยให้การซื้อ-ขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเข้าถึงได้สะดวกยิ่งขึ้น ปี 2566 มีกำลังการผลิตที่อยู่ระหว่างการดำเนินการรวม 450 เมกะวัตต์ และเตรียมขยายไปยังตลาดอาเซียน ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ในปี 2567

ธุรกิจแพกเกจจิ้ง ในปี 2567 อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งออก SCGP จึงมุ่งนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมทั้งขยายกำลังการผลิตและ M&P (Merger & Partnership) ในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ Bio-Solutions ที่เป็นเมกะเทรนด์และเติบโตสูง

นายธรรมศักดิ์กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนออกหุ้นกู้ใหม่ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้จำนวน 60,000 ล้านบาท โดยรอบแรกเดือน เม.ย. จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจำนวน 25,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะ Rollover 20,000 ล้านบาท และให้บริษัทลูกออกหุ้นกู้อีก 5,000 ล้านบาท รวมถึงอยู่ระหว่างพิจารณาออกหุ้นกู้เพิ่มเติม สำหรับทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือน ส.ค. จำนวน 10,000 ล้านบาท และปลายปีนี้อีก 15,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 SCC มีรายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง และการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics กำไรสำหรับปี 25,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อน สาเหตุหลักจากกำไรของการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 6.0 บาท รวมเป็นเงิน 7,200 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของกำไรไม่รวมรายการพิเศษ ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.5 บาท เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 3.5 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น