“บิ๊กหิน” ลงพื้นที่ "สุวรรณภูมิ" ตรวจปัญหา ตม.หลังเกิดระบบ ตม.ล่มตั้งแต่ 04.30 น. ทำให้ผู้โดยสารคิวตรวจยาวล้นไปจนถึงตรวจสัมภาระต้องคัดแยกผู้โดยสารเสี่ยงตกเครื่อง โดยแก้ไขได้ในเวลา 13.30 น. ชี้กระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว ย้ำ สตม.ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก
จากกรณีสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยเหตุระบบ ตม.ล่ม กระทบต่อปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะขาออก ซึ่งผู้โดยสารต้องรีบขึ้นเครื่องในช่วงเวลาจำกัด ตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 24 มกราคม 2567 จนเที่ยงก็ยังคงติดขัดอยู่นั้น เมื่อเวลา 12.50 น. พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อตรวจสอบเหตุดังกล่าว พร้อมด้วยนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. และนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้เดินตรวจพื้นที่ ตม.ขาออก และขาเข้า ตม. โดยล่าสุดระบบ ตม.สามารถกลับมาใช้งานปกติได้แล้วเมื่อเวลา 13.30 น.
พลตำรวจเอก วิสนุเปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้เร่งลงมาตรวจสอบและติดตามการแก้ปัญหา พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติเป็นการเร่งด่วน เบื้องต้นได้รับรายงานจาก พลตำรวจตรี เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) ว่าระบบตรวจคนเข้าเมือง (Biometrics) เกิดขัดข้องตั้งแต่เวลา 04.30 น.ของวันที่ 24 มกราคม 2567 เกิดความหน่วงที่คอมพิวเตอร์ช่องตรวจ ตม. ส่งผลให้การตรวจหนังสือเดินทางใช้เวลามากกว่าปกติ จากเดิมใช้เวลานับแต่ยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่จนตรวจสอบและประทับตราเสร็จไม่เกิน 45 วินาทีต่อคน กลับต้องใช้เวลากว่า 1 นาทีต่อคน ในขณะที่ระบบส่งผลต่อช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels ไม่สามารถตรวจได้ ทำให้ในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินขึ้นลงหนาแน่น โดยเฉพาะผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดการสะสมอย่างรวดเร็ว แถวยาวล้นมาถึงจุดตรวจค้นสัมภาระอย่างรุนแรง
โดยทางศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมืองซึ่งควบคุมระบบเทคโนโลยีดังกล่าวให้เร่งแก้ไขโดยด่วน ขณะเดียวกัน ทาง ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้ ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด แก้ปัญหาตามแผนเผชิญเหตุกรณีระบบล่มตามรหัส Com Down โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วยระบบ Manual และ ใช้ระบบ APPS ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดกรองบุคคลที่อาจมีหมายจับ และ overstay เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการขึ้นเครื่อง ทำให้ความหนาแน่นเริ่มคลี่คลาย แต่ยังสะสมต่อเนื่อง
พลตำรวจเอก วิสนุจึงได้แนะนำทาง ตม.2 ให้ปรับวิธีการบันทึกแบบ manual โดยใช้ภาพถ่ายเพื่อให้เร็วขึ้น และให้ทาง ทอท. จัดพนักงานสนับสนุนอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เช่น แจกจ่ายน้ำดื่ม และช่วยคัดแยกผู้โดยสารที่เสี่ยงขึ้นเครื่องไม่ทัน เพื่อจัดช่อง priority ตรวจหนังสือเดินทางก่อนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
"ทั้งนี้ ปัญหาการอำนวยความสะดวกถือเป็นเรื่องสำคัญที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญ เพราะสนามบินสากลเป็นหน้าตาของประเทศ ถ้าระบบไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นจุดใด ก็เสียหายต่อภาพลักษณ์ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน ในส่วนของระบบเทคโนโลยีของ สตม.ก็ฝากให้ทาง สตม.เร่งหาทางแก้ไข ทั้งในระยะเร่งด่วน และการพัฒนาระยะยาว ไม่ควรเกิดข้อขัดข้องเช่นนี้อีก" พลตำรวจเอก วิสนุกล่าว