กรมพัฒนาธุรกิจการค้าครบรอบ 101 ปี ตั้งเป้าให้บริการงานที่อยู่ในความรับผิดชอบผ่านดิจิทัลเต็มรูปแบบทั้ง 100% ในปี 70 หลังปัจจุบันทำได้แล้วราว 80% ล่าสุดคิกออฟให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลออนไลน์แบบทันใจทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ และเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งธุรกิจทั้งเอสเอ็มอี แฟรนไชส์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานจัดงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 101 ปี การสถาปนากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า กรมจะเร่งยกระดับการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวก ลดระยะเวลา และต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ภาคธุรกิจ และก้าวสู่การเป็นองค์กรภาครัฐชั้นนำด้านบริการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในปี 2570 จากปัจจุบันให้บริการทางออนไลน์แล้วประมาณ 80% ของงานทั้งหมด โดยเฉพาะการจดทะเบียนนิติบุคคล เหลือเพียงจดทะเบียนออนไลน์ของนิติบุคคลต่างด้าว สมาคมการค้า และหอการค้าเท่านั้น
“ไฮไลต์ปีที่ 101 กรมได้เปิดระบบให้บริการหนังสือรับรองนิติบุคคลทางออนไลน์ DBD e-Service แบบเรียลไทม์ ตลอดทั้งวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ชนิด ทันใจ ขอปุ๊บได้ปั๊บ เสียค่าธรรมเนียมเพียง 200 บาท เพราะจากการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่อยากให้กรมออกหนังสือรับรองนิติบุคคลในวันเสาร์ อาทิตย์ด้วย เพราะบางรายอาจต้องใช้ทำสัญญาแบบเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ และไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ” นางอรมนกล่าว
ทั้งนี้ กรมได้ทดลองเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2567 ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนเป็นจำนวนมาก สามารถนำไฟล์หนังสือรับรองฯ ไปใช้งานได้ทันที ขจัดปัญหาการรอเอกสาร และไม่ต้องเดินทางมาติดต่อหน่วยงานราชการให้เสียเวลา และได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 16 ม.ค. 2567 โดยสามารถใช้บริการ DBD e-Service ได้ที่ www.dbd.go.th >> บริการออนไลน์ >> ขอหนังสือรับรอง/คัดสำเนา >> กรอกรายละเอียด >> ชำระเงิน >> ดาวน์โหลดไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ โดยหวังว่า การยกระดับการให้บริการดังกล่าวจะช่วยให้ไทยมีการเริ่มต้นการทำธุรกิจดีขึ้น (Ease of Doing Business) จากการจัดอันดับโดยธนาคารโลก
ขณะเดียวกัน กรมจะเดินหน้าส่งเสริม และสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอี รายย่อย รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วนมูลค่าของเอสเอ็มอีในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จากปัจจุบันที่ 35.2% เป็น 40% ภายในปี 2570 ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ กรมอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตร เช่น สถานีบริการน้ำมันต่างๆ เพื่อหาสถานที่ให้แฟรนไชส์ได้เช่าในราคาถูก เพื่อขายสินค้า หรือเข้าไปขายฟรี รวมถึงจะเร่งรัดการประชาสัมพันธ์ร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ไทยซีเลกต์ เพื่อสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างกระแสซอฟต์เพาเวอร์อาหารไทย