xs
xsm
sm
md
lg

ผ่ากลยุทธ์ “CRC Care” เดินหน้าด้วย 7 มิติหลัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ผ่าปรัชญา และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามแบบฉบับของ เซ็นทรัลรีเทล ด้วยโมเดล “CRC Care” สู่การเติบโตที่ยั่งยืน ภายใต้ 7 มิติหลัก ผ่านอีโคซิสเต็มที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อสังคมและธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกัน


นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นในการสร้างอีโคซิสเต็มที่ครบวงจร เพื่อเป็น Platform of Trust ที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เรามี Brand Purpose ที่ชัดเจนในการเป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคน ในทุกประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ และได้สร้างความสำเร็จให้เห็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวผ่านปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” ที่เปรียบเสมือน Commitment ของเราที่จะดูแลและยกระดับทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนทั้งระบบ โดยได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ 7 มิติหลัก ดังนี้

1. Care for the Economy เซ็นทรัล รีเทล ลงทุนขยายธุรกิจและพัฒนาโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเจริญทั่วไทย และกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อเมืองรองและยกระดับให้แข็งแกร่งเทียบเท่าเมืองหลัก โดยดึงศักยภาพของเมืองรองให้โดดเด่น และพัฒนาเมืองให้มีความเจริญยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน การพัฒนาทักษะแรงงาน

พร้อมทั้งเพิ่มการจับจ่าย และการท่องเที่ยว ทั้งจากคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโต ส่งผลต่อเนื่องไปสู่ระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศต่อไป

โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ของเซ็นทรัลรีเทลมีเกิดขึ้นใหม่ต่อเนื่อง เช่นโก โฮลเซลล์ ธุรกิจค้าส่งที่เริ่มเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งเป็นการขยายอาณาจักรจากธุรกิจค้าปลีกเดิมที่ทำอยู่ ปัจจุบันมี 4 สาขาแล้ว โดยมีสาขาแรกอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์

ขณะที่การขยายธุรกิจไปสู่เมืองรองนั้น ธุรกิจในเครือของเซ็นทรัลกรุ๊ป ก็ล้วนแล้วแต่จะเริ่มขยายไปเมืองรองกันมากขึ้น เช่น กรณีของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ก็เป็นหนึ่งธุรกิจที่รุกตลาดเมืองรองมากขึ้น เช่น การลงทุนมากกว่า 5,800 ล้านบาท ในการก่อสร้าง เซ็นทรัล นครสวรรค์ บนที่ดิน 42 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์การค้า GFA 76,000 ตร.ม. คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 1/2567, โรงแรม 200 ห้อง, คอนโดมิเนียม และ Urban Park ขนาดใหญ่ 2 ไร่ นอกจากนี้ยังมี Neighbouring Component อย่างโรงพยาบาลชั้นนำที่เชื่อมโยงอยู่บน Master Plan ของโครงการด้วย

หรือการลงทุนอีกกว่า 8,200 ล้านบาท กับการก่อสร้างเซ็นทรัล นครปฐม บนที่ดินเกือบ 100 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์การค้า GFA 69,000 ตร.ม. เปิดให้บริการช่วงไตรมาส 2/2567, โรงแรม 200 ห้อง, คอนโดมิเนียม, หมู่บ้านจัดสรรและ Urban Park ขนาดใหญ่ 4 ไร่ ซึ่งทั้งนครสวรรค์ นครปฐม ล้วนเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจทั้งคูู่


2. Care for the Customer เซ็นทรัล รีเทล ยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยเดินหน้าพัฒนา Next-Gen Omnichannel platform ที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างไร้รอยต่อ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่ดีที่สุดและความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ผ่านกิจกรรมการตลาดและแคมเปญโปรโมชันต่างๆ ตลอดจนมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจลูกค้ากว่า 20 ล้านคน ผ่าน The 1 Loyalty Platform

ประเด็นของการพัฒนา Next-Gen Omnichannel platform ทางเซ็นทรัล รีเทลได้มีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์หลายรายในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Next - Gen Omnichannel อีกทั้งเซ็นทรัล รีเทล ดิจิทัล ยังมีทีมงานมืออาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะทางและมากประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ทั้งในระดับนานาชาติและในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นองค์กรด้านรีเทลเทคอย่างเต็มรูปแบบ ตามกลยุทธ์ CRC Retailligence ที่วางไว้ พร้อมผลักดันให้ CRC Ecosystem เป็นอีโคซิสเต็มที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชีย โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Next - Gen Omnichannel เป็น 25 -30% ภายในปี 2569

3. Care for the Partner สร้างช่องทางการขายที่หลากหลายให้กับคู่ค้า เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยสนับสนุนแบรนด์ไทยให้นำสินค้ามาจำหน่ายที่ร้านค้าในเครือของเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศเวียดนาม และอิตาลี อีกด้วย ทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันแบบ Inclusive Growth

ล่าสุดเซ็นทรัล รีเทล ยังได้ทำ Spin-off MEB เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจ MEB ที่ถือเป็นอีกหนึ่ง Soft power ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

4. Care for the People มุ่งสร้างที่ทำงานให้เป็น “A Great Place to Work” เพื่อให้พนักงานกว่า 80,000 คน สามารถทำงานอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจ ไปพร้อมการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความโดดเด่นในแบบเฉพาะตัว สู่การเป็น “Winning Team” ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน ในขณะเดียวกัน เรายังสร้างสังคมแห่งความหลากหลาย เท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในที่ทำงาน ด้วยการสนับสนุนการจ้างงานบุคลากรผู้พิการกว่า 500 คน รวมทั้งบุคลากรสูงอายุให้มีอาชีพและรายได้ เพื่อดูแลตนเองและครอบครัว


5. Care for the Community มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเดินหน้าสร้างอาชีพ และรายได้ที่ยั่งยืนให้ชุมชน ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ จริงใจ ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต แหล่งรวมผักผลไม้ปลอดภัยจากเกษตรกรท้องถิ่น พร้อมส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 32 สาขาทั่วไทย รวมถึงยังช่วยสนับสนุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี พร้อมตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2573 นอกจากนี้ยังได้สร้างงานให้ชุมชน และร่วมต่อยอดภูมิปัญญาไทย ผ่านโครงการศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง ทำให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ผ่านแคมเปญ “Gift to Gifted เด็กเก่ง แจ้งเกิด” เพื่อสนับสนุนเยาวชนไทยที่มีความสามารถ สะท้อนความมุ่งมั่นของเซ็นทรัล รีเทล ที่เชื่อว่า การสร้างคน คือพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืน

6. Care for the Sustainability ตอกย้ำเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งสู่การเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ด้วยกลยุทธ์ "ReNEW” ที่มุ่งสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในกลุ่มธุรกิจ ติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน ตลอดจนการลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว โดยตั้งเป้าการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี 2573 และตั้งเป้า Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 อีกทั้งยังส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลก จำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Healthiful และTops Green โดยตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง พร้อมทั้งบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือก๊าซหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ผ่านโครงการสมุยโมเดล ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อม จาก The Global CSR & ESG Awards 2023 รวมถึงยังมีการประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านหลัก 3Rs และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ทำให้สามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้แล้วกว่า 15%


โดยสรุปแล้ว เป้าหมายในระยะสั้นภายในปี ค.ศ. 2030 ของแต่ละกลยุทธ์ คือ

6.1 Reduce Greenhouse Gases การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 8% จากการใช้พลังงานทั้งหมด ด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ 83 สาขา และสถานีประจุไฟฟ้า 58 สาขา รองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ 790 คัน ในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า, ส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า, การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงานกว่า 217 ตู้ เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี ค.ศ. 2030

6.2 Navigate Society Well-Being การสร้างสังคมให้น่าอยู่ ด้วยการผนึกกำลังคู่ค้าในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจให้ลดต้นทุน ลดขั้นตอน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านโลจิสติกส์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้บริโภคมากที่สุด นอกจากนี้ยังส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น การจ้างงานคนพิการกว่า 412 คน รวมทั้งให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนและช่องทางการจำหน่าย โดยสามารถสนับสนุนชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมกำหนดเป้าหมายในปี 2030 เป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี

6.3 Eco-friendly Product and Packaging การส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลก จำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Healthiful, Tops Green โดยตั้งเป้าเดินหน้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ถึง 6% ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักต์ สินค้าออร์แกนิก สินค้าวีแกน และอื่นๆ พร้อมตั้งเป้าให้ได้ 100%

6.4 Waste Management การบริหารจัดการขยะมูลฝอย โดยสามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 15% ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือก๊าซหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ, การประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่าน 3Rs เช่น การรีไซเคิลขวดพลาสติกในโครงการขวดเปล่าไม่สูญเปล่าให้เป็นผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ขาดแคลน, การส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้เอง และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธีกับทุกภาคส่วน เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายการนำขยะมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็น 30%

ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน จึงเร่งเครื่องภารกิจ เส้นทางสู่ Net Zero ด้วยการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ด้วยแนวทางปฏิบัติที่เข้มข้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคืนออกซิเจนให้โลกด้วยการฟื้นฟูระบบนิเวศป่าต้นน้ำและเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่า ตั้งเป้า 50,000 ไร่ในปี 2030, การลงทุนสีเขียวในด้านนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดโลกร้อน, การส่งเสริมใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านการขนส่งคาร์บอนต่ำเป็นพลังงานไฟฟ้า และบริการจุดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

7. Care for the Governance เซ็นทรัล รีเทล บริหารงานและดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ตามหลัก GRC (Governance, Risk, Compliance) บนจรรยาบรรณ 5 เรื่อง คือ ความซื่อสัตย์ ความสุจริต มีจริยธรรม โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเข้าร่วมกับ CAC ที่เน้นเรื่องการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน ตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ขององค์กรที่มุ่งมั่นทำงานอย่างมีจริยธรรม และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมทั้งปลูกฝัง DNA ให้พนักงานทุกระดับทำสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณธรรม เพื่อขยายผลไปสู่สังคมต่อไป

“ทุกสิ่งที่เราได้ทำมาภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ CRC Care ทั้ง 7 มิตินี้ คือ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงเดินหน้าทำทุกสิ่ง และใช้อีโคซิสเต็มของเราอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับและสร้างประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เคียงข้างไปกับเซ็นทรัล รีเทล ตลอดไป” นายญนน์กล่าวสรุป


กำลังโหลดความคิดเห็น