การค้าชายแดนและผ่านแดน เดือน พ.ย. 66 มีมูลค่า 148,566 ล้านบาท ลดลง 3.01% แต่มีข่าวดี การค้ากับ สปป.ลาวพลิกกลับมาเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ส่วนการค้าผ่านแดนไปจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวม 11 เดือนมีมูลค่า 1,600,241 ล้านบาท ลด 2.61%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือน พ.ย. 2566 มีมูลค่า 148,566 ล้านบาท ลดลง 3.01% แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 74,305 ล้านบาท ลดลง 16.83% และการนำเข้ามูลค่า 74,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.34% โดยไทยได้ดุลการค้ามูลค่า 44 ล้านบาท และหากแยกเป็นการค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ มาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา มีมูลค่า 78,833 ล้านบาท ลดลง 11.80% แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 48,920 ล้านบาท ลดลง 11.04% และนำเข้า มูลค่า 29,912 ล้านบาท ลดลง 13.01% ได้ดุลการค้า 19,008 ล้านบาท ส่วนการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ มีมูลค่า 69,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.31% แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 25,385 ล้านบาท ลดลง 26.10% และนำเข้ามูลค่า 44,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.60% ขาดดุลการค้า 18,964 ล้านบาท
ทั้งนี้ การค้าชายแดนกับ สปป.ลาว ในเดือน พ.ย. 2566 กลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 6 เดือน มีมูลค่าการค้ารวม 23,563 ล้านบาท เพิ่ม 3.1% โดยการส่งออก 14,072 ล้านบาท เพิ่ม 2.1% ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ รถยนต์นั่ง 508 ล้านบาท เพิ่ม 21.6% เนื่องจากมีการเร่งนำเข้ารถยนต์ในช่วงที่รัฐบาล สปป.ลาวอยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องขอของกลุ่มผู้นำเข้าที่ขอให้เลื่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในกลุ่มสินค้ายานพาหนะที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 ออกไปเป็นช่วงเดือน เม.ย. 2567 ส่วนการค้าชายแดนกับมาเลเซีย ลด 7.96% เมียนมา ลด 23.08% กัมพูชา ลด 22.82% และการค้าผ่านแดนไปจีน เพิ่ม 14.79% สิงคโปร์ เพิ่ม 16.07% เวียดนาม ลด 13.34%
ส่วนการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วง 11 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 1,600,241 ล้านบาท ลดลง 2.61% แบ่งเป็นการส่งออก มูลค่า 899,800 ล้านบาท ลดลง 4.52% นำเข้า มูลค่า 700,441 ล้านบาท ลดลง 0.05% ได้ดุลการค้า มูลค่า 199,358 ล้านบาท และหากแยกเป็นการค้าชายแดน มีมูลค่า 855,157 ล้านบาท ลดลง 12.42% แบ่งเป็นการส่งออก มูลค่า 534,497 ล้านบาท ลดลง 10.59% นำเข้า มูลค่า 320,660 ล้านบาท ลดลง 15.30% ได้ดุลการค้า มูลค่า 213,660 ล้านบาท และการค้าผ่านแดน มูลค่า 745,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.74 แบ่งเป็นการส่งออก มูลค่า 365,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.01% นำเข้า มูลค่า 379,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.86% ขาดดุลการค้า 14,479 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ครั้งที่ 1/2566 ได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการทำงานด้านต่างๆ ในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ตลอดจนแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งสอดรับกับ 4 ประเด็นยุทธศาสตร์ ภายใต้ “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567-2570” ที่มีเป้าประสงค์หลักในการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เป็น 2 ล้านล้านบาท ในปี 2570
นอกจากนี้ ได้รายงานความคืบหน้ารายงานความคืบหน้าประเด็นการค้าชายแดนสำคัญๆ ทั้งการยกระดับจุดผ่อนปรนเป็นจุดผ่านแดนถาวร 3 แห่ง การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า-ส่งออก ณ ด่านพรมแดนแม่สอด แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก การเชื่อมโยงเอกสารส่งออก-นำเข้าผ่านระบบ National Single Window (NSW) การสนับสนุนงบประมาณปรับปรุงเส้นทาง R12 (นครพนม-คำม่วน-นำเพ้า) ใน สปป.ลาว และการเชื่อมโยงการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ของประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ให้บริการค้าชายแดนแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) จากการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานรัฐเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดน ผ่านแดนแบบครบวงจร สามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค. 2566 จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และอุดรธานี