กรมการค้าต่างประเทศเผยสหภาพยุโรป (อียู) กำหนดมาตรการต่อสินค้าเพชรจากรัสเซีย สั่งสมาชิกห้ามนำเข้า ซื้อขาย หรือโยกย้ายเพชรจากรัสเซีย ครอบคลุมเพชรเกรดอัญมณี เพชรสังเคราะห์ และเครื่องประดับเพชร ดีเดย์มีผลบังคับใช้ ปี 67 และเตือนระวังมีผลต่อการส่งออกของไทย ต้องตรวจสอบที่มาให้ชัดเจน
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้กำหนดมาตรการต่อการค้าสินค้าเพชรจากรัสเซีย และจะเริ่มมีผลบังคับใช้แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป ครอบคลุมเพชรที่มีถิ่นกำเนิดในรัสเซีย เพชรที่ส่งออกจากรัสเซีย และเพชรที่นำผ่านรัสเซีย และระยะที่ 2 ครอบคลุมเพชรของรัสเซียที่ผ่านขั้นตอนการผลิตจากประเทศอื่น โดยให้มีระยะเวลาการปรับใช้มาตรการ (phasing-in) สำหรับระยะดังกล่าวในการกำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการตรวจสอบแหล่งที่มาของเพชร ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-1 ก.ย.2567 เพื่อให้การใช้บังคับมาตรการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ
“ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะส่งออกเพชรเกรดอัญมณีทั้งที่เจียระไนแล้วและยังไม่ได้เจียระไน เพชรสังเคราะห์ และเครื่องประดับเพชรไปยังสหภาพยุโรป ต้องตรวจสอบที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เพื่อปรับตัวและรองรับมาตรการดังกล่าว”
ทั้งนี้ ไทยเป็นประเทศที่ไม่มีเหมืองเพชร จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าเพชรจากต่างประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยกรมเป็นส่วนหนึ่งในการรับรองแหล่งที่มาของเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนภายใต้กรอบความตกลง Kimberley Process ซึ่งผู้ประกอบการที่จะส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนเกรดอัญมณีตามพิกัดอัตราศุลกากร 7102.31 สามารถขอหนังสือรับรองการส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนจากกรม เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพื่อแสดงแหล่งที่มาของเพชรร่วมกับเอกสารหลักฐานอื่นใดอีกทางหนึ่งได้
สำหรับสินค้ากลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 10 เดือน ปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า 7,391.86 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับกลุ่มสินค้าเพชร มีมูลค่าการส่งออก 1,112.03 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดหลักในสหภาพยุโรป คือ เบลเยียม
ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนได้ที่กองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 02 547 5121 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ dv2_info@moc.go.th