ผู้จัดการรายวัน - ตลาดสัตว์เลี้ยง 50,000 ล้านบาท โตฉุดไม่อยู่ เหตุสังคมเมืองเอื้อ คนโสดพุ่ง คู่รักเพศเดียวกันเปิดกว้าง จึงหันมาเลี้ยงน้องหมาน้องแมวเป็นลูกเพียบ สบช่องรวย “เว็ทซินโนว่า” โหมงบกว่า 35 ล้านบาท ลุยอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ปูทางรายได้ปี 67 ทะลุ 350 ล้านบาท จากปีนี้ปิดที่ 250 ล้านบาท
นายมนัยธร เสริบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 40,000-50,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ อาหารสัตว์ 50% และการบริการ ดูแล รักษา เสื้อผ้า ที่นอน และของเล่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50% ซึ่งในส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมูลค่าราว 20,000 ล้านบาทนั้น ปีนี้คาดโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเปียก ซึ่งเกิดจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เทรนด์การเลี้ยงแมวเติบโตขึ้น 5-6% จากปัจจุบันคนไทยเลี้ยงแมว 4-5 ล้านตัว ส่วนเทรนด์การเลี้ยงน้องหมาปัจจุบันมีประมาณ 8 ล้านตัวคาดว่าจะลดลง
”เทรนด์การเลี้ยงน้องหมาน้องแมวเป็นลูกเห็นภาพชัดเจนในช่วงหลายปีมานี้ ส่วนสำคัญเกิดจากคนโสดไม่ยอมแต่งงานมีมากขึ้น คู่รักเพศเดียวกันก็มีสูงขึ้นและสังคมไทยเปิดรับมากขึ้น และคนไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้นจึงเลี้ยงสัตว์แก้เหงา สำคัญสุด คือ สังคมเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ กับที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด คนหันไปอยู่คอนโดมิเนียมมากกว่าแต่ก่อน ส่งผลให้ช่วง 2-3 ปีนี้ เทรนด์การเลี้ยงแมวพุ่งสูงกว่าการเลี้ยงน้องหมา เนื่องจากแมวเลี้ยงดูง่าย ใช้พื้นที่น้อยกว่า อีกทั้งค่าอาหาร ยารักษา และการดูแล ถือว่าถูกกว่าน้องหมาถึง 1 เท่าตัว“ นายมนัยธร กล่าว
จากเทรนด์ตลาดสัตว์เลี้ยงที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก บริษัทจึงได้พัฒนาสินค้าแบรนด์ วีเอฟคอร์ “VFcore“ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแมวเลียขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพแมว ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มใหม่ที่อยู่ระหว่างกลุ่มเวชภัณฑ์กับอาหารเปียก ซึ่งตลาดนี้มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท พร้อมดึง นนกุล - ชานน สันตินธรกุล มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยผลักดันให้ปีนี้มียอดขายปิดที่ 250 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 350 ล้านบาท ในปีหน้า
“จากการเดินทางไปงานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงและงานประชุมวิชาการทางสัตวแพทย์หลายประเทศทั่วโลก สินค้า VFcore ถือเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นพัฒนาสูตรอาหารเสริมเพื่อสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องแมว ที่อยู่ในรูปแบบแมวเลีย ทานง่าย ที่ไม่ใช่เม็ด โดยทำการค้นคว้าวิจัยมากกว่า 1 ปี จากทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงมีการทำงานวิจัยร่วมกับทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อได้สูตรที่ดีต่อสุขภาพ และอร่อยโดนใจทั้งน้องหมาและน้องแมว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ แห่งนวัตกรรมไลฟ์สไตล์ที่แข็งแกร่ง Pet Lifestyle Innovation ทั้งในการทำวิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์หลากหลายสูตร เพื่อตอบโจทย์สุขภาพดีของสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก”
สำหรับ VFcore มีทั้งหมด 9 สูตร คือ 1. สีเหลือง LS (Lysine) , 2.สีแดง RB (Iron & Copper Multi-Vitamins), 3.สีเขียว JC (Joint Care Complex), 4.สีส้ม KC (Kidney Care), 5.สีทอง Vitality , 6.สีเขียวมรกต BIO , 7.สีครีม ลาเต้ FIBER และ 2 สูตรใหม่ คือ 8. สีชมพู SK (Skin) และ9.สีน้ำเงิน UC
นายมนัยธร กล่าวต่อว่า นอกจากแบรนด์ VFcore กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแมวเลีย ที่เป็นสินค้าเรือธงแล้ว ปี 2567 บริษัทมีแผนใช้งบราว 10% ของยอดขาย หรือประมาณ 30-35 ล้านบาท ในการพัฒนาสินค้าใหม่ และการทำตลาด ออกมาอีก 2-3 ตัว ภายใต้แบรนด์ VFcore ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสำหรับน้องแมวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารสำหรับน้องหมาด้วย นอกจากนี้บริษัทยังมีแบรนด์สินค้าในเครืออีก 4-5 แบรนด์ ซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มยาเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์รักษาผิวหนังสัตว์ แชมพูยา ที่จะพัฒนาสูตรใหม่ๆออกมาในปีหน้าด้วย รวมไปถึงมีแผนขยายตลาดไปต่างประเทศผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในหลายประเทศ เช่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ดูไบ อินเดีย จากปัจจุบันมีจำหน่ายบ้างแล้วในฮ่องกง อเมริกา และเวียดนาม โดยยอดขายจากต่างประเทศนั้น ปีหน้าคาดว่าจะทำได้ 50 ล้านบาท จากรายได้รวมที่วางไว้ 350 ล้านบาท.