กทพ.เคาะ TOR ทางด่วน 'จตุโชติ-ลำลูกกา' รวบโยธา 1 สัญญา วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท เน้นผู้รับเหมามีศักยภาพก่อสร้างปลอดภัย และงานเสร็จตามกำหนด เตรียมรับฟังคำวิจารณ์ คาดขายซองประมูลไม่เกิน มี.ค. 67
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางพิเศษฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา ระยะทาง 16.2 กม.
ว่า ขณะนี้ได้จัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) ประกวดราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการร่างทีโออาร์ฯ ได้กำหนดรูปแบบงานก่อสร้างโยธา 1 สัญญา โดยคาดว่าจะนำร่าง TOR ลงประกาศในเว็บไซต์ เพื่อรับฟังคำวิจารณ์ได้ภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินต้นเดือนม.ค. 2567
ตามขั้นตอนที่วางไว้คาดว่าจะประกาศขายเอกสารประกวดราคาได้ไม่เกินเดือน มี.ค. 2567 ได้ตัวผู้รับจ้างประมาณเดือน ก.ค. 2567 เริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 แล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2570 สำหรับงานติดตั้งระบบและบริหารจัดการจราจร 1 สัญญา คาดว่าจะประกาศประกวดราคาภายใน 1 ปีหลังจากประมูลงานโยธาไปแล้ว
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า เดิมมีแนวคิดแบ่งงานโยธาเป็น 4 สัญญา แต่เมื่อได้พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คือความสำเร็จของงานที่พร้อมกันทั้งโครงการ และความปลอดภัยในระหว่างก่อสร้าง โดยได้พิจารณาปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างโครงการที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทางรวม 18.7 กม. แบ่งงานโยธาออกเป็น 4 สัญญา พบว่าแต่ละสัญญาเสร็จไม่พร้อมกัน แม้มีบางสัญญาเสร็จก่อนแต่ยังเปิดให้บริการไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อรายได้ของ กทพ.ด้วย ดังนั้น การแบ่งหลายสัญญาจึงมีความเสี่ยงที่จะกระทบความสำเร็จของทั้งโครงการและเปิดบริการไม่ได้ตามกำหนด
ทั้งนี้ การรวมงานโยธาเป็นสัญญาเดียว นอกจากทำให้ได้ผู้รับเหมาที่มีศักยภาพ มีความพร้อมในการก่อสร้างงานขนาดใหญ่และง่ายต่อการกำกับดูแลแล้ว ทางด่วนสายนี้จะมีจุดก่อสร้างสำคัญที่ค่อนข้างยาก คือช่วงข้ามมอเตอร์เวย์ ช่องจราจรกว่า 10 เลน และมีรถสัญจรหนาแน่น ดังนั้นในระหว่างก่อสร้างจึงต้องมีการดูแลความปลอดภัยสูง
“เหตุผลที่รวมงานโยธา กทพ.ประเมินหลายเหตุผล ทั้งเรื่องความสำเร็จของงาน และการเปิดให้บริการได้ตามกำหนดซึ่งจะทำให้ กทพ.มีรายได้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ ซึ่งประเมินแล้วจะมีผู้รับเหมาที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ 4-5 ราย ซึ่งหากมีผู้สามารถเข้าร่วมประมูลได้ไม่ต่ำกว่า 3 รายถือว่ามีการแข่งขันเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ของกรมบัญชีกลาง”
สำหรับเงินลงทุนโครงการประมาณ 24,060 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าเวนคืน 3,726 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานโยธาประมาณ 19,000 ล้านบาท ค่างานระบบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยงานระบบฯ นี้จะรอประเมินผลการใช้งานของระบบ M-Flow บนทางด่วน ซึ่งจะเริ่มให้บริการ 3 ด่านแรกในเดือนเม.ย. 2567 ก่อน จากนั้นจึงจะกำหนดรายละเอียดเพื่อเปิดประมูลต่อไป
สำหรับเงินลงทุนโครงการจะมาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาทจะใช้เงินกทพ.มาลงทุน
สำหรับพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตเวนคืนที่ดินคาดว่าจะประกาศใช้ประมาณเดือน มี.ค. 2567 ซึ่งจะสอดคล้องกับการประมูลหาตัวผู้รับจ้างและส่งมอบพื้นที่