นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และนายจีรัฐติกุล เอี่ยมหิรัญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดเที่ยวบินนำร่องของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดย OR การบินไทย และ AOT โดยมี นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน OR และ นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธี ณ สนามบินนานาชาติภูเก็ต
นายดิษทัตเปิดเผยว่า ในวันนี้ OR ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของการบินไทย เส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดย SAF เป็นน้ำมันที่ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้วหรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) ที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet A-1) และสามารถผสมเข้ากับน้ำมัน Jet A-1 เพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ใดๆ มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตน้อยกว่าเชื้อเพลิงอากาศยานโดยทั่วไป โดยเชื้อเพลิง SAF
สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ ผู้ผลิตโดย บริษัท Neste ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนชั้นนำของโลก และ บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นผู้จัดหาและนำเข้า รวมทั้งบริษัท PETCO TRADING LABUAN COMPANY LIMITED (PTLCL) ประเทศมาเลเซีย ผู้จำหน่ายและผู้บริหารการขนส่งมายังจังหวัดภูเก็ต
การใช้ SAF ในอุตสาหกรรมการบินสำหรับเที่ยวบินนำร่องของการบินไทยจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้การบินไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายการเป็น Energy Solution Provider ของ OR อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยอีกด้วย