ผู้จัดการรายวัน 360 - “เคที ออพติค” (KT OPTIC) ปล่อยหมัดเด็ด เดินหน้ารุกตลาดแว่นตากลุ่มพรีเมียม ปีหน้าท่ึทงบการตลาดจัดเต็ม 20 ล้านบาท ผุดเพิ่มอีก 5สาขา ล่าสุดจัดงาน Cartier 40th Anniversary Eyewear Collection เปิดตัวเป็นครั้งแรกกับแว่นตารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่มีเพียง 15 เซ็ตในประเทศไทย
นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้บริหาร บริษัท กรุงไทยออพติค จำกัด (KT OPTIC) กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดแว่นตามีมูลค่าอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มตลาดแมส (Mass) และอีก 10% เป็นกลุ่มตลาดพรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-80,000 ชิ้นต่อปี
โดย “เคที ออพติค” (KT OPTIC) อาณาจักรแว่นตาชั้นนำของประเทศไทย เป็นร้านแว่นตาที่ครองตลาดแว่นตาและเลนส์ตั้งแต่เซ็กเมนท์ระดับกลางถึงพรีเมียม ที่มีจำนวนสาขาและส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย ภายใต้จุดแข็ง ‘Beyond Professional Eyecare Center’ จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเป็นศูนย์สุขภาพทางด้านสายตา พร้อมทั้งมีบริการ Personal styling แว่นตาให้เหมาะกับบุคลิกของลูกค้า
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) คือการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรีเข้ามาจำหน่าย ส่งผลให้ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) มักจะได้รับเลือกให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอยู่เสมอ
นอกจากนี้ “เคที ออพติค” ยังระบุด้วยว่า จากผลสำรวจตลาดแว่นตาพบว่าดีมานด์การใช้งานเลนส์และแว่นตามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มวัยทำงานที่ต้องใช้หน้าจอเป็นประจำ รวมถึงกลุ่มเด็กเอเชียรุ่นใหม่ที่นิยมใช้โทรศัพท์และใช้คอมพิวเตอร์กันเพิ่มขึ้น โดยกรมอนามัยโลกยังประเมินอีกว่าเด็กไทยในช่วงอายุ 8-13 ปี กำลังประสบปัญหาสายตาสั้น ซึ่งบ่งบอกถึงทิศทางหลังจากนี้ ที่คาดว่าตลาดแว่นสายตาในไทยจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 3-5% และในอีก 3 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะมีปัญหาเรื่องสายตาเพิ่มอีก 50% โดยในปี 2567 “เคที ออพติค” (KT OPTIC) จะใช้งบการตลาด 20 ล้านบาท ทำการตลาดเต็มที่ พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเป็น 1,000 ล้านบาท และมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า “เคที ออพติค เป็นร้านแว่นตาและเลนส์ที่มีแบรนด์ค่อนข้างหลากหลายและครอบคลุมในทุกเซ็กเมนท์ โดยในปี 2567 เราจะพุ่งเป้าการพัฒนาแบรนด์ไปที่ตลาดผู้ซื้อแว่นตาพรีเมียมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอัลตร้า ลักซ์ชัวรี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น แว่นตาดีไซน์แฟชั่นสำหรับใช้ในโอกาสต่างๆ รวมถึงแว่นตากลุ่ม Functional ที่เน้นเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน น้ำหนักเบา และทนทาน
“จากประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 59 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในวงการแว่นตาอย่างยั่งยืน พร้อมภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัย ด้วยแนวความคิดในการให้บริการด้วยความ ‘ใส่ใจอย่างเต็มใจ’ และเคที ออพติค ยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรีเข้ามา ส่งผลให้เราเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับแบรนด์ และมักจะได้รับเลือกให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น และในปีหน้าเราวางแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขาด้วยกัน” นายชัชวาลย์ กล่าว
ล่าสุดได้จัดงาน Cartier 40th Anniversary Eyewear Collection เปิดตัวแว่นตารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น สุดพิเศษแห่งแรกในประเทศไทย ได้รวบรวมแว่นกันแดด 3 รุ่นไอคอนิก ได้แก่ ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier), ซิกเนเจอร์ ซี เดอ คาร์เทียร์ (Signature C de Cartier) และ เพรอมิแยร์ เดอ คาร์เทียร์ (Première de Cartier) มาไว้ด้วยกันในกล่องแดงสุดลักซ์ชัวรี ที่มีเพียง 1,500 เซ็ตทั่วโลก และเพียง 15 เซ็ตในประเทศไทยที่ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) เท่านั้น
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า “งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีให้กับแบรนด์แว่นตาคาร์เทียร์ โดยเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวแว่นตารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่มีเพียง 15 เซ็ตในประเทศไทยที่งานนี้ด้วย โดยจุดเด่นของรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น คือการรวบรวมแว่นกันแดดรุ่นไอคอนิกของคาร์เทียร์ 3 รุ่นมาไว้ด้วยกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานที่คาร์เทียร์ได้รักษาไว้ได้เป็นอย่างดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 ไม่ว่าจะเป็นด้านงานฝีมือชั้นเยี่ยมที่มีความปราณีต หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ จึงทำให้แว่นตาคาร์เทียร์มีดีไซน์ร่วมสมัย เปรียบเสมือนผลงานชิ้นเอกแห่งความประณีตบรรจง โดยกลุ่มลูกค้าของแว่นตาคาร์เทียร์คือผู้ที่ชื่นชอบในความหรูหรา สง่างาม และคลาสสิกอย่างแท้จริง”
ด้าน เพ็ญธิดา พลพิพัฒนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ มาร์เวล กรุ๊ป บริษัทผู้นำเข้าแบรนด์แว่นตาคาร์เทียร์และแบรนด์แว่นตาชื่อดังระดับโลกเผยว่า “มาร์เวล กรุ๊ป และ เคที ออพติค นับว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมานาน ซึ่งเรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะพัฒนาตลาดแว่นตากลุ่มอัลตร้า ลักซ์ชัวรี ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เนื่องจากในปีนี้เซ็กเมนท์แว่นตากลุ่มลักซ์ชัวรีของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะจาก 5 แบรนด์หลัก ได้แก่ Cartier, Gucci, Saint Laurent, Balenciaga และ Tom Ford
“โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำการตลาดกับพันธมิตร โดยมีการนำเข้าสินค้าที่เป็นลิมิเต็ด อิดิชั่น อาทิ Cartier 40th Year Anniversary Eyewear, Cartier Precious with Diamond, TomFord Horn Private Collection, Saint Laurent X ROSE of Blackpink และอีกมากมาย เพื่อผลักดันให้ตลาดแว่นตากลุ่มอัลตร้า ลักซ์ชัวรี เติบโตมากขึ้นในปี 2567”
