xs
xsm
sm
md
lg

CRG ชี้ QSR แข่งระอุ 2 เทรนด์ ทุ่ม 500 ล้านผุดเคเอฟซีดิจิทัลสโตร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีอาร์จี” ชี้ธุรกิจรวมร้านอาหารปีหน้ายังเติบโตดี มีรายใหม่เข้าออกเสมอ เทรนด์คิวเอสอาร์ 4.5 หมื่นล้านบาทแข่ง 2 ประเด็นหลัก ดิจิทัลกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค เดินหน้าดันเคเอเฟซีเต็มสูบ ปีหน้าทุ่ม 500 ล้านบาท ผุดโมเดลดิจิทัลแพลตฟอร์มสโตร์อีก 40 สาขา


นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์เคเอฟซี (จากผู้บริหารเคเอฟซีในไทย 3 ราย) ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี/CRG) เปิดเผยว่า ตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารในไทยมูลค่า 4 แสนกว่าล้านบาทมีการเติบโตประมาณ 4% และคาดว่าภาพรวมในปีหน้าจะเติบโตมากกว่าจีดีพีของไทย เนื่องจากภาพรวมการกลับมารับประทานอาหารนอกบ้านเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากเกิดโควิดในช่วงที่ผ่านมาหลายปี

เขากล่าวด้วยว่า ในปีหน้าเทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะคิวเอสอาร์นี้จะเน้นการแข่งขันไปที่ส่วนหลัก คือ 1. เรื่องของการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ 2. เรื่องของการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาสู่ธุรกิจร้านอาหารต่อเนื่องเพราะเป็นธุรกิจที่เข้าง่ายออกง่าย


ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอาหารคิวเอสอาร์ ที่มีมูลค่ามากกว่า 45,000 ล้านบาท ก็ยังเติบโตดี โดยเฉพาะ ตลาดไก่ทอดที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% หรือ 2หมื่นกว่าล้านบาท ยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุด และเติบโตมากที่สุดถึง 2 หลัก โดยที่แบรนด์เคเอฟซีในภาพรวมกินตลาดรวมไก่ทอดไปแล้วมากกว่า 80%-90% ด้วยจำนวนสาขารวมทั้งหมดกว่า 1,060 สาขา ซึ่งตลาดรวมไก่ทอดเติบโตมากกว่าตลาดรวมเบอร์เกอร์กับตลาดรวมพิซซาที่โตน้อยกว่า

ในส่วนของเชนธุรกิจร้านอาหาร QSR เป็นที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ธุรกิจร้านอาหารเป็นที่น่าจับตามอง และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ด้วยมีผู้เล่นในตลาดหลากหลาย ทั้งรายเก่า รายใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของเชนธุรกิจร้านอาหาร QSR จึงถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้เล่นหลักในการพัฒนาและปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในแง่ของการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อบริหารจัดการต้นทุนในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างยอดขายได้


สำหรับเคเอฟซีในส่วนของซีอาร์จี ขณะนี้มี 330 สาขา และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 335 สาขา หรือปีนี้ทั้งปีเปิดใหม่รวมประมาณ 20 สาขา ส่วนปีหน้าก็คาดว่าจะเปิดใกล้เคียงกันที่ 15-20 สาขา และปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมของแบรนด์เคเอฟซี ซีอาร์จีประมาณ 7,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่มียอดขายประมาณ 6,300 ล้านบาท หรือประมาณ 11%

ล่าสุดได้ใช้งบประมาณ 17 ล้านบาท เปิดตัวแฟลกชิบสโตร์โฉมใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ มาในคอนเซ็ปต์ “KFC Digital Lifestyle Hub” ที่เน้นประสบการณ์การรับประทานที่สนุกขึ้นกว่าเดิม ด้วยดีไซน์ใหม่ล้ำสมัย พร้อมเปิดตัวบริการ Bucket Kiosk จุดสั่งอาหารผ่านเครื่องสั่งอาหารและชำระเงินอัตโนมัติรองรับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งยังเปิดจุด Photo Spot ภายในร้านด้วยภาพ “Bucket Crew Space” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ KFC ผ่านมุมมองของศิลปินกราฟฟิตีชาวไทย JECKS BKK (ธัชกร ศิรวัชรเดช) และบริการ KFC Café by Arigato Coffee Bar มุมกาแฟใหม่ในร้าน คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี สามารถสร้าง Engagement กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนทำงาน และผู้มาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และช่วยสร้าง Top of Mind ได้


ปัจจุบันซีอาร์จีมีร้านดิจิทัลแพลตฟอร์มประมาณ 10 สาขา ซึ่งพบว่าสัดส่วนลูกค้าที่เข้าร้านดิจิทัลสโตร์นี้จะสั่งผ่านระบบดิจิทัลมากกว่า 75% ของจำนวนออเดอร์ ส่วนปีหน้าจากแผนการลงทุนทั้งหมด 500 ล้านบาท จะเปิดร้านใหม่ที่เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มอีกคาดว่า 15-20 สาขา และจะปรับจากร้านเดิมเป็นดิจิทัลสโตร์อีก รวมทั้งหมดเป็น 40 สาขา และคาดว่าสิ้นปีหน่้าจะมีรวมเป็น 350 สาขา

“เมื่อแบรนด์มีโมเดลร้านใหม่ๆ ที่พร้อมนำมาทดลองเปิด โดยร้านในรูปแบบใหม่นี้จะเข้ามาเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของลูกค้า และการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เช่น โมเดลสาขาในศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เกต, โมเดลสาขาในสถานีบริการน้ำมัน, โมเดล Shop House ด้วยการนำอาคารพาณิชย์ หรือตึกแถวที่อยู่ในย่านชุมชน มาปรับเปลี่ยนเป็นร้าน เคเอฟซี, โมเดลปาร์ก แอนด์ โก (Park and Go) รวมไปถึงการขยายสาขาร่วมกันกับบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น CPN และ CRC อย่างศูนย์การค้าเซ็นทรัล และโรบินสันไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง เช่น เซ็นทรัลนครปฐม เซ็นทรัลนครสวรรค์ที่กำลังจะเปิดในปีถัดไป รวมถึงหลายสาขาที่เปิดในปีนี้อย่างโรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉลอง และเซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ซึ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ทำให้เคเอฟซีในโมเดลใหม่มีความทันสมัยและเหมาะสมกับคาแรกเตอร์ของย่านมากขึ้น” นายปิยะพงศ์กล่าว












กำลังโหลดความคิดเห็น