bearbeary ยีนส์แบรนด์ไทยปลื้มหลังสร้างแบรนด์มา 5 ปี ปีนี้ยอดขายพุ่งมากกว่าปีก่อน เดินเกมลุยเพิ่มงบลงทุนมากกว่าเดิม เพิ่มคอลเลกชันรักษ์โลก พร้อมเจาะกลุ่ม 18-25 ปีมากขึ้น มั่นใจรั้งท็อป 5 ยอดขายยีนส์สูงสุดในโรบินสัน
นางสาววนิศา ดวงจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบแบรี่ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ยีนส์สัญชาติไทย “bearbeary” เปิดเผยว่า bearbeary เป็นยีนส์แบรนด์ไทยที่เราสร้างแบรนด์และทำตลาดมากว่า 5 ปี ซึ่ง 2-3 ปีแรกเป็นการขายทางโซเชียลมีเดีย ไลฟ์สดขายเป็นหลัก และเริ่มมีวางจำหน่ายในช่องทางห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล อย่างโรบินสันมาได้ 3 ปี ปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ 23 สาขา จากปีก่อนที่มีอยู่เพียง 10 กว่าสาขาเท่านั้น
“ความสำเร็จของ Bearbeary ในปีนี้พบว่า หลังจากทำตลาดมากขึ้น ตอนนี้ยอดขายเติบโตขึ้นมากๆ หลังจากผ่านโควิดมา โดยได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด อีกทั้งการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นผลให้ Bearbeary เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งลูกค้าที่ซื้อจะเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ สังเกตจากยอดซื้อต่อบิลจะมีตั้งแต่ 8,000-10,000 บาทขึ้นไป”
อีกทั้ง Bearbeary ยังมีจุดเด่นในเรื่อง bearbeary LYCRA® เส้นใยที่รู้จักกันดีว่ามีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและคงทนมาก มีความยืดหยุ่นสูง ยืดได้ดีกว่าเส้นใย SPANDEX ปกติถึง 500% อีกทั้งยังโดดเด่นในเรื่องของ FITTING และ CUTTING ที่ตอบโจทย์ความสบายสำหรับผู้ที่สวมใส่ ทำให้ bearbeary ติดท็อป 10 ของแบรนด์ยีนส์ที่ทำยอดขายสูงสุดให้กับทางโรบินสัน
ล่าสุด Bearbeary ได้จัดงานแฟชั่นชุดยีนส์ขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาค้นหาคีย์ไอเท็มหลักที่จะทำให้ทุกๆ วันของคุณใส่ยีนส์ที่สวยและสบายสไตล์โดดเด่นเกินใคร ที่สำคัญ ในคอลเลกชันนี้ยังมีสินค้ารักษ์โลกรวมอยู่ด้วยกับขั้นตอนการผลิตจากเส้นใย TENCLE เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการ Organic Solvent เป็นกระบวนการปั่นด้ายที่สะอาดไม่มีสารพิษ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีคุณสมบัติที่นุ่ม ลื่น ยืดหยุ่นกระชับ คุณสมบัติที่นุ่มลื่น และความยืดนี้ไม่ได้มีแค่เส้นใยเดียว มีเส้นใย Lycra เป็นเส้นใยที่ยืดสังเคราะห์ คุณภาพสูงนำเข้าจากต่างประเทศ คุณสมบัติยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี ผ้าคงรูป เพิ่มความสบายในการสวมใส่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีระยะการใช้งานนานขึ้น เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้
นางสาววนิศา กล่าวต่อว่า จากแผนงานที่วางไว้ ถึงสิ้นปีนี้มั่นใจว่ายอดขายจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนปีหน้าพร้อมอัดงบลงทุนเพิ่มเป็นเท่าตัว เน้นเรื่องนวัตกรรม พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมา และนำเสนอคอลเลกชันรักษ์โลกออกมามากขึ้น รวมถึงเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-25 ปีมากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่ม B ขึ้นไป ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป รวมถึงตั้งเป้าสร้างยอดขายขึ้นเป็นท็อป 5 ของกลุ่มแบรนด์ยีนส์ที่ขายในโรบินสันด้วย