“นภินทร” เผยผลการหารือเกาหลีใต้ จับมือประกาศเริ่มเจรจา FTA ต้นปีหน้า ผลักดันให้ปรับลดภาษีนำเข้าน้ำมะพร้าวแท้ 100% ของไทยเหลือ 0% ชวนลงทุนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียวใน EEC ผนึกกำลังเปรู สานต่อเจรจา FTA เปิดตลาดการค้าสินค้าส่วนที่เหลือ ส่วนจีนฮ่องกง เล็งขยายการค้าการลงทุนสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ช่วยกระจายสินค้าไทยไปตลาดจีน
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 34 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ตนได้มีโอกาสพบปะกับนายอัน ด๊อก-กึน รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ นายฮวน คาร์ลอส แมทธิว ซาลาซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยวของเปรู และนายแอลเจอร์นอน เยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง เพื่อหารือถึงการขยายความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น
โดยในการหารือกับเกาหลีใต้ ได้เห็นตรงกันถึงประโยชน์ของการจัดทำ FTA ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการเปิดเสรีเพิ่มเติมจาก FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการเปิดตลาดเพิ่มเติมในสินค้าที่ยังไม่ได้ลดเลิกภาษีศุลกากร ซึ่งจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีใต้ในไทยเพิ่มขึ้น โดยเกาหลีใต้มองว่าไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าสำคัญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายอื่น ๆ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศเริ่มการเจรจา FTA ไทย-เกาหลีใต้ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เกาหลีใต้ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพช่วงต้นปี 2567 ด้วย
ทั้งนี้ ได้ชวนเกาหลีใต้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องนโยบายซอฟต์ เพาเวอร์ ให้แก่ไทย เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นแบบอย่างของการดำเนินนโยบายซอฟต์ เพาเวอร์ที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเฉพาะยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ และจะเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทย
ขณะเดียวกัน ไทยได้ผลักดันให้ศุลกากรของเกาหลีใต้ เร่งออกประกาศเพื่อปรับภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าน้ำมะพร้าวแท้ 100% ในอัตรา 0% ภายใต้ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ ซึ่งจากเดิมที่ปรับขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้า อยู่ที่ 40% มาตั้งแต่ปี 2562 เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ขององค์การศุลกากรโลก ซึ่งคาดว่าศุลกากรของเกาหลีใต้จะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2567
นายนภินทรกล่าวว่า สำหรับการหารือกับเปรู ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะสานต่อการเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-เปรู (TPCEP) ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้าส่วนที่เหลืออยู่ 30% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด และการเปิดเสรีภาคบริการ ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลไทยที่ต้องการผลักดันและขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก FTA ในกรอบต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับภาคเอกชนไทยในการเข้าสู่ตลาดของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ สองฝ่ายจะกำหนดเป้าหมายให้มีการบรรลุผลเจรจาภายในปีหน้า ซึ่งจะเร่งผลักดันให้เกิดผลลัพธ์การเจรจาที่เป็นรูปธรรม และสร้างแต้มต่อให้กับเอกชนของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้หารือแนวทางการส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน โดยเปรูเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสชาติและคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น องุ่นสด อะโวคาโด และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในด้านการแปรรูปอาหาร เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าในเปรู ซึ่งหากการเดินหน้าสานต่อการเจรจา TPCEP เป็นไปอย่างราบรื่นและสำเร็จ จะช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยมากขึ้นในอนาคต
ส่วนการหารือกับฮ่องกง ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของฮ่องกงในฐานะประตูสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Greater Bay Area ซึ่งจะช่วยกระจายสินค้าศักยภาพของไทยไปตลาดจีน โดยผู้บริโภคในฮ่องกงนิยมสินค้าไทย โดยเฉพาะอาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ข้าว (ข้าวหอมมะลิ) และผลไม้ไทย (ทุเรียน ลำไย มังคุด) รวมทั้งเนื้อสุกร ซึ่งครองตลาดเป็นอันดับ 1 ในการส่งออกไปฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจบริการ เน้นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งไทยมีความโดดเด่นด้านเอนิเมชันและบริการในส่วนของขั้นตอนภายหลังการถ่ายทำ (Post Production) จึงขอให้จีนฮ่องกงสนับสนุนผู้ประกอบไทยที่เข้าร่วมงาน Hong Kong International Film and TV Market (FILMART) ซึ่งไทยจะได้จัดตั้ง Thailand Pavilion ภายในงาน เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและต่อยอดศักยภาพของไทยในจีนฮ่องกง และตลาดโลก
“ไทยได้ขอบคุณจีนฮ่องกง ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจสตาร์ตอัปของไทย เข้าร่วมโครงการ Idea Landing Program เพื่อบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ตอัปของไทยเป็นประเทศแรก ซึ่งโครงการนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสตาร์ตอัปและสร้างเครือข่ายเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างไทยและจีนฮ่องกง ขณะเดียวกันไทยพร้อมจะเป็นเป้าหมายให้สตาร์ตอัปของจีนฮ่องกงเข้ามาลงทุน และเป็นประตูเชื่อมต่อสู่อาเซียน ส่วนจีนฮ่องกงขอให้ไทยสนับสนุนการเข้าร่วมความตกลง RCEP ซึ่งไทยยินดีสนับสนุน โดยคาดว่ากระบวนการเจรจาเพื่อเข้าร่วมความตกลงดังกล่าวของจีนฮ่องกง จะราบรื่นและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค”นายนภินทรกล่าว