xs
xsm
sm
md
lg

บีซีพีจีอัดงบลงทุน7ปี5หมื่นล. ดันกำลังผลิตแตะ2,000MW-กำไร3พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีซีพีจีเทงบลงทุน7ปีนี้(66-73) 50,000ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบ 2,000เมกะวัตต์ และมีกำไรทะลุ 3,000ล้านบาทโดยปีหน้าตั้งงบลงทุน14,000ล้านบาทเพื่อใช้พัฒนาโครงการในpipeline และM&A ดันEBITDAโต30%

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG)เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายระยะยาวในปี 2573 หรือ 7ปีข้างหน้า บริษัทจะใช้เงินลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้ามีกำไรสุทธิ (Net Income) 3,000ล้านบาท และกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 2,000 เมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,025เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 1,250เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการพัฒนา 775 เมกะวัตต์


สำหรับปี2567 บริษัทตั้งงบการลงทุนไว้ที่ 14,000 ล้านบาท โดยร้อยละ 60 หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่อยู่ในพอร์ตให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ และอีกร้อยละ 40 หรือประมาณ 6,000 ล้านสำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ บริษัทจะเน้นการลงทุนพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่บริษัทมีฐานการฐานการผลิตอยู่แล้วและประเทศที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เป็นต้น โดยทิศทางการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งและความเติบโตของธุรกิจหลัก (Core Business) โดยในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา(EBITDA )จะเติบโตร้อยละ 30

“ บริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ธุรกิจที่เป็น New S Curve อาทิ ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและสำหรับโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ” นายนิวัติกล่าว

สำหรับธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ บริษัทฯ ได้มีการต่อยอดการใช้งานระบบกักเก็บพลังงานสำหรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ประเภทวานาเดียมรีดอกซ์โฟลว์ในไทย โดยการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานดังกล่าว ให้กับสถานีไฟฟ้าย่อยของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับระบบสายส่ง-สายจำหน่ายของ กฟภ. ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯ ได้รับอนุมัติให้เริ่มดำเนินการในโครงการนำร่องดังกล่าว ในเขตพื้นที่ อำเภอ นาแห้ว จังหวัดเลย โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ ภายปี 2567 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายตลาดในประเทศไทยหลังจากที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนในบริษัท วีอาร์บีเอ็นเนอยี่ ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการผลิตและจำหน่ายระบบกักเก็บพลังงานระดับโลก ซึ่งมีตลาดใหญ่อยู่ในประเทศจีน


นายนิวัติ กล่าวต่อว่า ในปี2566 บริษัทใช้เงินลงทุนกว่า 32,000 ล้านบาท ใช้ในการลงทุนซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซฯที่สหรัฐอเมริกาจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแครอล เคาน์ตี้ เอนเนอร์ยี่ และ เซาท์ ฟิลด์ เอนเนอร์ยี่ ในรัฐโอไฮโอ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ และ ฮามิลตั้น เพทรีออต ในรัฐเพนซิลเวเนีย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วน รวมทั้งสิ้น 857 เมกะวัตต์ ซึ่งการเข้าลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักโดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติทุกแห่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าดังกล่าว บริษัทฯ มีการป้องกันความเสี่ยง (hedging) ของรายได้จากการขายไฟฟ้าบางส่วน เพื่อสร้างเสถียรภาพทางด้านรายได้มากขึ้นอีกด้วย

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยขนาดกำลังการผลิต 12.59 เมกะวัตต์ ซึ่งจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567 นี้

นายนิวัติ กล่าวว่า การจัดสรรเงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ ได้แก่ โครงการพลังงานลม “มอนสูน” โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ที่ลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยติดตั้งกังหันลม คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 133 ต้นและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้สิ้นปี 2568 ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 469 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2567 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ จำนวน 58 เมกะวัตต์ได้ในปี 2568 จากนั้นจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์จนครบทั้งหมดภายในปี 2569

โรงไฟฟ้าพลังงานลมนาบาส-2 ขนาดกำลังการผลิต 13.2 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนเกาะวิซายัส เมืองนาบาส สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2566 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 


ส่วนการลงทุนในธุรกิจเมืองอัจฉริยะ มีโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling) ในพื้นที่โครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ บริษัทฯ ได้เริ่มก่อสร้างระบบผลิตความเย็นฯ ในเฟสแรก ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 3,000 ตันความเย็น คาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2568 และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนร่วมกับสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ (PMCU) เพื่อขยายไปยังเฟสอื่นๆ ต่อไป เพื่อให้ได้กำลังการผลิตติดตั้งรวม 18,000 ตันความเย็นในพื้นที่โครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้

โครงการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมืองอัจฉริยะ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการฯผ่านการนำระบบ บริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management), ระบบซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกัน (Energy Trading) และ ระบบการบริหารจัดการอาคารพลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Building Management)

โดยบริษัทฯ ลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟทอปบนหลังคาอาคารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กว่า 160 อาคาร กำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 12.86 เมกะวัตต์ เพื่อบริหารจัดการพลังงานที่ผลิตได้ และในปี 2567-68 บริษัทฯ จะดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติม อีก 2.5 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 15 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593


กำลังโหลดความคิดเห็น