บีซีพีจีเผยไตรมาสที่ 3/2566 มีกำไรสุทธิที่ 565 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสที่แล้วร้อยละ 180.8 แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.9 โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานที่ 1,564 ล้านบาท โตขึ้นมาจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย การรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของธุรกิจคลังน้ำมันในประเทศไทยและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานที่ 1,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566 ซึ่งมีรายได้รวม 1,093 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,544 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 565 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 180.8 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.9
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 3,714 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.3 จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,139 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,278 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 45.3
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของฤดูกาลน้ำ ส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น อีกทั้งในช่วงดังกล่าวในประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม และประเทศญี่ปุ่นมีความเข้มของแสงที่เพิ่มขึ้น ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากการดำเนินงานของธุรกิจคลังน้ำมันในประเทศไทย และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการก๊าซธรรมชาติใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 426 เมกะวัตต์ และเป็นช่วงที่สหรัฐฯ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น” นายนิวัติกล่าว
