“พีระพันธุ์” เผยการหารือกับรมช.พลังงานรัสเซียและเอกอัคราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ย้ำรัสเซียพร้อมสนับสนุนพลังงานกับไทยแบบครบวงจร ทั้งสินค้าเชื้อเพลิงราคาต่ำ น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซฯ การลงทุนรูปแบบต่างๆ โดยเป็นการดีลในรูปแบบเอกชนกับเอกชน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการหารือแบบทวิภาคีกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานของสหพันธรัฐรัสเซีย (นายเซอร์เก โมคานิคอฟ) และเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย (นายเยฟกินี โทมิคิน) หลังเป็นประธานในการประชุม The 3rd APEF วันนี้ (19 ต.ค. 66) ว่า ได้หารือเพื่อหาทางในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านพลังงานระหว่างกันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซียแจ้งว่าพร้อมสนับสนุนไทยด้านพลังงานแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของทรัพยากรพื้นฐาน เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และอื่นๆ รวมทั้งด้านวิชาการ การลงทุนในการสร้างระบบผลิตพลังงานรูปแบบต่างๆ และการร่วมเป็นหุ้นส่วนทางการลงทุน
โดยเสนอให้มีการจับคู่ธุรกิจด้านพลังงานระหว่างภาคเอกชนในประเทศไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย และคาดหวังให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงเสนอให้ผู้แทนจากประเทศไทยเข้าสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงาน รัฐบาลรัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกนักธุรกิจชาวไทยในการเดินทางเข้าไปประกอบธุรกิจด้านพลังงานร่วมกับรัสเซีย และเชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปเยือนรัสเซียเพื่อหารือเพิ่มเติมต่อไปด้วย
"ในที่เจรจา ผู้แทนรัสเซียนำเสนอความร่วมมือการค้าหลายรูปแบบกับเรา ทั้งสินค้าเชื้อเพลิงราคาต่ำรูปแบบต่างๆ น้ำมัน, LNG, ถ่านหิน, lubricant products ซึ่งอาจจะเป็นการดีลเป็นในรูปแบบเอกชนกับเอกชน หรือส่งเสริมลงทุน/วิทยาการ เช่น hydropower กับรัฐบาลไทย" รมว.พลังงานกล่าว
จากนั้น นายพีระพันธุ์ได้พบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไฟฟ้า พลังงาน และทรัพยากรธรณี สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และร่วมหารือในประเด็นความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยกับบังกลาเทศ โดยหวังว่าจะมีความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ในอุตสาหกรรมพลังงานต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายพีระพันธุ์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เป็นประธานในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านพลังงานแห่งเอเชียและแปซิฟิกครั้งที่ 3 (The Third Asian and Pacific Energy Forum: The 3rd APEF) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะ ‘ประธานฯ The 3rd APEF’ ได้เน้นย้ำระหว่างเปิดการประชุมว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญและส่งเสริมการดำเนินการเพื่อผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดร่วมกับประเทศสมาชิก โดยให้ความสำคัญต่อการเข้าถึงแหล่งพลังงาน และการสร้างมาตรฐานราคาพลังงานที่เป็นธรรม” ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของการประชุม The 3rd APEF ที่จัดขึ้นเพื่อทบทวนรายงาน รวมถึงติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 7 (SDG7) ประเด็นเรื่องการสร้างหลักประกันการเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่อย่างยั่งยืนและเชื่อถือได้ ในราคาที่ซื้อหาได้