ผู้จัดการรายวัน 360 - “ศรีจันทร์โอสถ” เดินหน้าเชิงรุก ปรับเกมบุก “ศศิ” เปิดพรีเซ็นเตอร์ครั้งแรก ขยายกลุ่มหญิงทำงาน ด้าน “ศรีจันทร์” เร่งขยายตลาดต่างประเทศ ซุ่มลุยตลาดสุขภาพและเวลเนส หวังดันรายได้รวมปีนี้ทะลุ 1 พันล้านบาท โต 40%
นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ ศรีจันทร์ และ ศศิ (sasi) ของไทย กล่าวว่า ปี 2566 นี้บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 730 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่มากภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ และมากกว่ารายได้ช่วงก่อนโควิด-19 ด้วยที่เคยมีรายได้เพียง 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น
บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้รวมตามที่วางไว้ โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น ศรีจันทร์ 70% และศศิ 30% โดยที่แบรนด์ศศิจะมีการเติบโตที่มากถึง 50% ดีกว่า ศรีจันทร์ ปีนี้เราวางแผนและกลยุทธ์ตลาดไว้ชัดเจน ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ก็ทำได้ตามเป้าหมาย เหลืออีกไตรมาสสุดท้ายนี้ ก็จะเดินหน้าเต็มที่ และบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดเกี่ยบกับสุขภาพและเวลเนสด้วยทั้งในเรื่องของสินค้าและการบริการ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษา
“แม้ว่าตลาดสินค้าความงาม (Beauty) ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 170,000 ล้านบาท เติบโตไม่มาก 5-6% เท่านั้น และปัจจุบันมีการแข่งขันในตลาดที่สูงมากก็ตาม ในแต่ละปีก็มีแบรนด์เปิดใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนไม่น้อย การสร้างความแตกต่างในแบรนด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เป็น Cosmetics ซึ่งเรามองเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ ทำให้สองปีที่แล้วเราได้ปักธงออก campaign because girls can ในการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ sasi ทำให้ในปีนี้เอง sasi กลายเป็นแบรนด์ Beauty & Lifestyle ที่แตกต่างจากแบรนด์ทั่วไปในตลาด ขณะที่แบรนด์ศรีจันทร์ก็มีความแข็งแกร่งในตัวเองอยู่แล้วและมีการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง” นายรวิศกล่าว
โดยแผนตลาดแบรนด์ ศศิ จะทำการตลาดเชิงรุกหลังจากที่วางตลาดมากว่า 6 ปีแล้ว ปีนี้แบรนด์ sasi มองเห็นโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าของตลาดในกลุ่มลิป ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่แบรนด์ sasi มีฐานลูกค้าและเป็นที่รู้จักอยู่แล้วให้กว้างมากขึ้น จึงเลือก เก้า-สุภัสสรา ธนชาต นักแสดงสาวมากความสามารถที่มีบุคลิกที่โดดเด่น ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของความงามและ ไลฟ์สไตล์ Face of sasi (Lipstick) ซึ่งถือว่าเป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกด้วย โดยปีนี้มีความตั้งใจที่จะเจาะตลาดกลุ่มคนวัยทำงาน หรือผู้หญิงยุคใหม่
นอกเหนือจากกลุ่มลิปแล้ว สินค้าในกลุ่มของ Base Makeup ที่บริษัทของเราเองมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ทาง sasi ก็จะยังเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เดินเกมในการรุกตลาดต่อ ปัจจุบันศศิมีสินค้าประมาณ 100 เอสเคยู เช่น ลิปสติก แป้งกระป๋อง แป้งรองพื้น อื่นๆ เป็นต้น วางจำหน่ายในหลายช่องทางทั้งคอนวีเนียนสโตร์ ร้านขายยา ร้านค้าออนไลน์ เป็นต้น โดยจะออกสินค้าใหม่ประมาณ 4-5 คอลเลกชันต่อปี
สำหรับคอลเลกชัน sasi Girls Can SURVIVE ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ sasi ที่จะขยายฐานลูกค้าให้ภาพรวมของแบรนด์สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาเข้าถึงง่าย สินค้าคุณภาพ นอกจากนี้ ในครั้งนี้เองก็ยังมีการตั้งชื่อเล่นของสินค้าให้จดจำได้ง่าย และมีแคมเปญที่โดนใจ และคาดว่าในปีนี้ศศิจะเติบโตจากปีก่อน 50-60% โดยผลิตภัณฑ์ในคอลเลกชัน “sasi Girls Can SURVIVE” ประกอบด้วย “ลิปกร้าวใจ” sasi Girls Can SURVIVE Matte Lip มีให้เลือก 10 สี และ “แป้งหน้าล็อก” sasi Girls Can SURVIVE Foundation Powder แป้งผสมรองพื้น มีให้เลือก 4 เฉดสี หาซื้อได้ที่ร้านวัตสัน ร้านอีฟแอนด์บอย ร้านบิวเทรียม ร้านคอนวี และร้านเครื่องสำอางชั้นนำทั่วประเทศ หรือชอปออนไลน์ที่ sasi Official ทาง Shopee, Lazada และ www.1948beauty.com
นายรวิศกล่าวต่อถึงแบรนด์ศรีจันทร์ว่า เป็นแบรนด์หลักที่ีมีการขยายตัวต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่หวือหวาเหมือนแบรนด์ศศิ โดยปีนี้จะเน้นการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยมองไปที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดเพื่อนบ้าน ทำให้การจัดการไม่ยากท่าที่ควร
ปัจจุบันศรีจันทร์มีตลาดต่างประเทศหลักๆที่ 3 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น และลาว โดยทั้งสามตลาดนี้มีการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์จัดจำหน่ายชัดเจน ซึ่งก็ยังคงจะมีการขยายตลาดกว้างขึ้นอีก โดยเฉพาะจีน เป็นประเทศใหญ่ที่เริ่มแค่ปักกิ่งเท่านั้นเอง ซึ่งปัจจุบันทำตลาดออนไลน์ผ่านทางพันธมิตร
ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นทำตลาดมา 3 ปีแล้ว ยังเป็นตลาดที่ไปได้อีกไกลมาก แต่ต้องทำตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เลือกจำหน่ายสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาด ปัจจุบันมีเอาต์เลตมากกว่า 2 พันแห่ง โดยมองว่าอนาคตอาจจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นพัฒนาสินค้าที่ขายเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่าน้้น ขณะนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 5% เท่านั้น