กรมการค้าภายในเช็กสถานการณ์ซื้อขายมังคุด จ.นครศรีธรรมราชล่าสุด พบเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ผลผลิตเหลืออีกแค่ 3% ราคาเกรดมันใหญ่ขยับขึ้นแตะกิโลกรัมละ 100 บาท แจ้งผู้บริโภครีบซื้อหลังใกล้จบฤดูกาล เผยหาซื้อได้ที่ห้างท้องถิ่น และโมบายล์พาณิชย์ ส่วนลองกองภาคใต้ ภาคเหนือ สถานการณ์ราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่พร้อมส่งม้าเร็วเข้าช่วยหากมีปัญหา ด้านลำไยปิดจ็อบสวย เกรด AA แตะสูงสุดกิโลกรัมละ 40 บาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายมังคุดในโครงการ Fruit Festival ที่ได้เข้าไปรับซื้อและมาจำหน่ายผ่านโมบายล์พาณิชย์ ที่ชุมชนซอยโซดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์มังคุดใน จ.นครศรีธรรมราช พบว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลผลิตปีนี้แล้ว โดยผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 97% เหลืออีกเล็กน้อยเพียง 3% เท่านั้น และราคาได้ขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้ประกอบการได้เข้าไปแย่งซื้อ โดยราคากลุ่มประมูลเกรดมันใหญ่แตะกิโลกรัม (กก.) ละ 100 บาทแล้ว เกรดคละ 35-40 บาท/กก. เกรดดำ 16-25 บาท/กก. ส่วนนอกกลุ่มประมูล เกรดมันใหญ่ 60-100 บาท/กก. มันเล็ก 41-61 บาท/กก. ผิวลาย 36-61 บาท/กก. เกรดดำ 35-40 บาท/กก.
ส่วนการนำมังคุดที่รับซื้อไปเปิดจุดจำหน่ายที่ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างท้องถิ่น 120 สาขา และโมบายล์พาณิชย์ 100 จุด ยังคงมีจำหน่ายไปจนจบฤดูกาล โดยขอให้พี่น้องประชาชนรีบซื้อ รีบบริโภค เพราะถ้าหมดแล้วก็หมดเลย ต้องรอบริโภคอีกทีในปีหน้า ทั้งนี้ เฉพาะในโมบายล์พาณิชย์มีสินค้าราคาประหยัด และสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพมาจำหน่ายด้วย เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ไข่ไก่ เครื่องปรุงรส เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์ลองกอง พบว่าในภาคใต้ผลผลิตออกแล้ว 55% ราคาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เบอร์ 1 อยู่ที่ 40-70 บาท/กก. เบอร์ 3 ราคา 20-25 บาท/กก. ส่วนภาคเหนือ ผลผลิตออกแล้ว 25% ซึ่งกรมได้มีการประสานผู้ประกอบการ และผู้รวบรวมเข้าไปรับซื้ออย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะนำมาเปิดจุดจำหน่ายให้ประชาชน โดยมีห้างท้องถิ่น และโมบายล์พาณิชย์รองรับ เพื่อดึงผลผลิตออกจากแหล่งผลิต ทั้งนี้ ยังได้ขอให้พาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย หากพื้นที่ใดมีปัญหาก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือทันที
ทางด้านราคาลำไย ปีนี้ถือว่าราคาดีมาก โดยขนาด AA ราคาขึ้นไปแตะสูงสุด 40 บาท/กก. ขนาด AA ลูกร่วง 23-27 บาท/กก. ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว โดยขณะนี้ผลผลิตเหลืออีกไม่มาก กรมก็ยังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และต้องขอขอบคุณสมาคมโรงอบลำไยที่เข้ามาช่วยเหลือ ช่วยกันรับซื้อจนสถานการณ์ลำไยปีนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี