กทพ.ทบทวนแผนลงทุนทางด่วน "กะทู้-ป่าตอง" หลังเอกชนเมินยื่นประมูล ชงบอร์ดเคาะรูปแบบก่อสร้างเอง ส่วนงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางมัดรวมกับเฟส 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะะทู้ ประมูลร่วมทุน เชื่อคุ้มค่ากว่า
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. ว่า จากที่กทพ.ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง วงเงินลงทุน 14,670 ล้านบาท โดยมีเอกชนเข้าซื้อซองเอกสาร RFP รวม 13 ราย และกำหนดยื่นซองเอกสารวันที่ 7 เม.ย. 66 แต่ปรากฏไม่มีเอกชนเข้ายื่นซองเลยนั้น แนวทางการดำเนินการจากนี้ หากเริ่มกระบวนการประมูลร่วมลงทุน (PPP) ใหม่จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี
ทั้งนี้ กทพ.จึงได้มีการทบทวนแผนการลงทุนโครงการใหม่ โดยในส่วนของโครงการนั้นมีการออกแบบรายละเอียด และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงถือว่ามีความพร้อม สามารถดำเนินการก่อสร้างทันที
ดังนั้น กทพ.จึงพิจารณาแนวทางการดำเนินการโครงการเอง โดยใช้รูปแบบระดมทุนเอง หรือใช้รายได้จากค่าผ่านทางที่จัดเก็บได้จากโครงข่ายทางพิเศษทั้งหมดเป็นค่าก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้สามารถเร่งรัดการก่อสร้างได้เร็วขึ้น
“เรื่องนี้ได้มีการหารือกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว เตรียมรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อยืนยันความพร้อมของโครงการที่จะเดินหน้า คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.พิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้” นายสุรเชษฐ์กล่าว
สำหรับโครงการระยะที่ 2 ทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30 กม. นั้น กทพ.ได้ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบโครงการตั้งแต่ต้นปี 2565 ขณะนี้ศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างสรุปผล และนำเสนอรายงานตามขั้นตอน โดยจะเสนอคณะกรรมการ PPP หรือ บอร์ด PPP จากนั้นเสนอ ครม.และตั้งคณะกรรมการ มาตรา 36 ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562 และจะเสนอขออนุมัติรายงาน EIA ควบคู่กันไป
รายงานข่าวจาก กทพ.แจ้งว่า สาเหตุที่เอกชนไม่เข้าร่วมประมูลโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง เนื่องจากยังมีความกังวลเรื่องความคุ้มค่า เพราะเส้นทางมีระยะสั้น มีค่าลงทุนสูง ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการเมื่อเดือน ม.ค. 2565 มีวงเงินลงทุน 14,670 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยสิ่งปลูกสร้าง 5,792 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง วงเงิน 8,878 ล้านบาท แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด และส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และต้นทุนโครงการเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ค่าก่อสร้างปัจจุบันเพิ่มอีกประมาณ 1,700 ล้านบาท หรืออยู่ที่ประมาณ 9,700 ล้านบาท โดยมีค่าดำเนินงานและบำรุงรักษาหรือระบบ O&M ประมาณ 3,142 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปกทพ.จะลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 4 ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงเวลาใกล้เคียงกับโครงการก่อสร้างระยะที่ 2 ทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ส่วนงานระบบและจัดเก็บค่าผ่านทางของระยะที่ 1 สายกะทู้-ป่าตอง จะนำไปรวมกับโครงการระยะที่ 2 สายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ โดยเบื้องต้นมีมูลค่าลงทุนประมาณ 35,800 ล้านบาท
โดยการรวมงานระบบและจัดเก็บค่าผ่านทางทั้ง 2 ระยะเข้าด้วยกันเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นระบบเดียวกันตลอดทั้งเส้นทาง ทั้งนี้ จากการศึกษาความเหมาะสมโครงการระยะที่ 2 พบว่ามีความต้องการและให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และคาดว่าเอกชนจะให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ กทพ.ก็อาจจะลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองทั้งหมดเช่นกัน โดยเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลการบริหารจัดการระบบจัดเก็บค่าผ่านทางระยะทางที่ 1 กับ 2 อย่างเดียว
