CHPP และ Nuovo Plus บริษัทในกลุ่ม GPSC ผนึก มทส.เปิดตัวโครงการนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย ต้นแบบแหล่งเรียนรู้การบริหารจัดการพลังงานเพื่อความยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้ง Solar Rooftop และ Floating Solar พร้อมดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงาน ควบคู่ระบบกักเก็บพลังงาน
นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า วันนี้ (7 ก.ย. 2566) GPSC ได้เปิดโครงการนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทในกลุ่ม GPSC ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด หรือ CHPP ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% และบริษัท นูออโว พลัส จำกัด หรือ Nuovo Plus ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 49% กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ภายในอาคารของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อร่วมมือในการวิจัยพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ และยังเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของประเทศไทย
โครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์บนหลังคา ขนาดกำลังการผลิต 1.72 เมกะวัตต์ และการติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 4.28 เมกะวัตต์ โดยได้นำระบบดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) เพื่อเป็นโครงข่ายนวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนอัจฉริยะในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย และเป็นสถาบันการศึกษาต้นแบบของระบบการบริหารจัดการไฟฟ้าอัจฉริยะหรือ Smart Grid ที่สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะหรือ Smart City ได้ในอนาคตของจังหวัดนครราชสีมา
“การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว มหาวิทยาลัยฯ สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ถึง 8.5 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งจะสามารถลดค่าไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยฯ ได้ถึง 510 ล้านบาทตลอดอายุโครงการ 25 ปี และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 115,000 ตัน ส่วนการติดตั้ง Floating Solar จะช่วยลดการระเหยน้ำในอ่างเก็บน้ำมากกว่า 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพ และเป็นศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ด้านพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชุมชนที่มีส่วนสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นางรสยากล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 และสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา โดยรายละเอียดของการดำเนินงานได้ติดตั้งระบบไฟฟ้าเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 Solar Rooftop บริเวณหลังคาของ 5 อาคาร ขนาดกำลังไฟฟ้ารวมประมาณ 1.66 เมกะวัตต์ ใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Mono PERC Half-Cell Module ที่มีคุณสมบัติพิเศษผลิตจากซิลิกอน เซลล์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง อายุการใช้งานที่ยาวนาน
ส่วนที่ 2 Solar Rooftop บริเวณหลังคาทางเดินอาคารเรียนรวม 1 ขนาดกำลังติดตั้ง 0.06 เมกะวัตต์ เป็นแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Bifacial Cells มีความโดดเด่นด้านการออกแบบเพื่อให้แสงส่องผ่านได้ทั้ง 2 ด้านเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนที่ 3 Floating Solar บริเวณอ่างเก็บน้ำสุระ 1 ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวมประมาณ 4.28 เมกะวัตต์ ด้วยทุ่นลอยน้ำ G Float ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ CHPP ที่ใช้วัตถุดิบ (Raw Material) เป็นเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเกรดพิเศษที่ผสมสารกันแสง UV มีคุณสมบัติคงทนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถนำกลับไปสู่กระบวนการรีไซเคิลได้หลังจากสิ้นสุดอายุการใช้งานอีกด้วย