“พิมพ์ภัทรา” รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันที่จะขับเคลื่อนมาตรการอีวี 3.5 โดยจะมีความชัดเจนไม่เกินสิ้นปีนี้ รอบอร์ดอีวีใหม่สรุป พร้อมเน้นย้ำการทำงานกระทรวงอุตสาหกรรมต้องส่งเสริมและสนับสนุนมากขึ้น พร้อมมุ่งเป้าอุตฯ ฮาลาล กระจายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไปยังภูมิภาคอื่นๆ
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการเข้าทำงานวันแรกอย่างเป็นทางการที่กระทรวงอุตสาหกรรมวันนี้ (7 ก.ย.) ว่า กระทรวงฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี )โดยสานต่อนโยบายมาตรการอีวี 3.5 ทั้งในเรื่องของส่วนลดราคา นำเข้า การกำหนดให้ค่ายรถตั้งโรงงานผลิตอีวี รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์กระตุ้นลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่อีวี ฯลฯ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอน
“เรื่องนี้คงจะต้องรอคณะกรรมการนโยบายยานยนต์แห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ชุดใหม่ก่อนในการพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งคิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว
สำหรับนโยบายต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่แล้วยังคงมุ่งเน้นภาพรวมให้ความสำคัญต่อการที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องมีบทบาทในการสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมมากกว่าการกำกับอย่างเดียว และต้องลดขั้นตอนการให้ใบอนุญาตเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่ต้องเป็นการบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) มีการใช้ระบบไอทีต่างๆ มาบริหารจัดการเพื่อความรวดเร็ว และภาพรวมให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน
ทั้งนี้ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นนโยบายที่ดีในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยในระยะต่อไปจำเป็นต้องใช้หลักการเดียวกันในการกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั้งภาคใต้ เหนือ อีสาน เป็นต้น
“จะได้หารือกับราชการในการวางแนวทางทำงานระยะเริ่มต้นเร่งด่วน 3 เดือนแรกที่จะทำได้ทันที โดยเฉพาะสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ให้เป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่จะเน้นไปที่อาหารฮาลาลเพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาภัยแล้งนั้นกระทรวงฯ พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ที่จะป้องกันไม่ให้ภาคการผลิตขาดแคลนน้ำและไม่กระทบต่อน้ำภาคการเกษตร” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว