xs
xsm
sm
md
lg

กนอ.ผนึก 6 พันธมิตรฯ ศึกษาใช้พลังงานไฮโดรเจนในนิคมฯ สมาร์ทปาร์ก-มาบตาพุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กนอ.ร่วมกับ 6 พันธมิตรองค์กรธุรกิจ ไทย-ญี่ปุ่น ลงนามบันทึกความร่วมมือ “การศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการสาธิตการจัดหาและใช้ประโยชน์พลังงานไฮโดรเจนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม Smart Park และ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด” พร้อมหาลู่ทางจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในเครือ กนอ. เพื่ออำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมในพื้นที่ฯ ให้กับผู้ให้บริการและผู้จัดหาพลังงานสะอาด สอดคล้องเป้าหมายประเทศ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กนอ.ร่วมกับ 6 บริษัทไทย-ญี่ปุ่น ประกอบด้วย บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี), บริษัท ฮิตาชิโซเซน คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยทากาซาโก จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือ “การศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการสาธิตการจัดหาและใช้ประโยชน์พลังงานไฮโดรเจนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม Smart Park และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด” ซึ่งโครงการความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือโดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการสาธิตการจัดหาพลังงานไฮโดรเจนและการใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจน เช่น การบริการรถโดยสารไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ก และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงศึกษาแนวทางการจัดตั้งบริษัทเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่นิคมฯ ดังกล่าวกับ ผู้ให้บริการและผู้จัดหาพลังงานสะอาดด้วย

“โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศในการบรรลุสังคมคาร์บอนต่ำผ่านโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) นอกจากนี้ ยังสนับสนุนวิสัยทัศน์ "ไทยแลนด์ 4.0" ของรัฐบาล ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนาร่วมกันในอนาคต ผ่านการสนับสนุนโดยองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และแก้ปัญหาด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายวีริศกล่าว

การลงนามความร่วมมือครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อยอดจากบันทึกข้อตกลงเดิมเมื่อปี 2564 ที่ได้ศึกษาความเป็นไปได้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานสะอาดประเภทต่างๆ ทั้งพลังงานไฮโดรเจน พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวภาพ ตลอดจนการคมนาคมที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอน เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ก (Smart Park) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และพื้นที่โดยรอบ

สำหรับการดำเนินโครงการฯ ในเฟสแรกที่ผ่านมานั้น มีการออกแบบภาพรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหลักของนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ซึ่งไม่เพียงแต่มีส่วนทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) แต่ยังสนับสนุนการพัฒนาโครงการต้นแบบ BCG ในประเทศไทยด้วย โดยออกแบบให้มีการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจน และรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด ซึ่งคาดว่านิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ก (Smart Park) จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 73% ในปี 2578 เมื่อเทียบกับนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้โครงข่ายสายส่งโดยเสรี ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำหรับนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ก (Smart Park) ยังต้องพิจารณาแผนเงื่อนไขการลงทุน หรือกรอบความร่วมมือต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น