xs
xsm
sm
md
lg

“อาซาว่า” ปลื้มกลุ่มยูนิฟอร์มแรง ปรับกลยุทธ์ชูร่วมทุนบุกจีน-AEC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “อาซาว่า กรุ๊ป” เปิดแผนหลังโควิดซา เตรียมกลับคืนตลาดต่างประเทศอีกครั้ง เน้นประเทศจีนกับอินโดนีเซียและเออีซี แต่ปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นการร่วมทุน คาดสรุปเร็วๆ นี้ ตลาดในประเทศไม่เน้นเพิ่มสาขามากนัก วางเป้าเติบโต 25% ต่อปีจากนี้


นายพลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง บริษัท อาซาว่า จำกัด ธุรกิจเสื้อผ้าและร้านอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะกลับไปขยายตลาดต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ได้ชะลอไปในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โดยรวมเริ่มดีแล้ว โดยจะเน้นไปที่ประเทศจีนกับอินโดนีเซีย และตลาดกลุ่มเออีซี เป็นหลัก ส่วนตลาดเดิมอย่างสิงคโปร์และฮ่องกงไม่มีแผนเข้าไปแล้ว ซึ่งก่อนโควิดมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพียง 3% ช่วงโควิดไม่มีเลย และจากนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนจากต่างประเทศประมาณ 12%

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดเดิมที่จะกลับไปอีกครั้งอย่าง อินโดนีเซีย กับจีนนั้นจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากที่เราได้เรียนรู้ตลาดมาแล้วก่อนหน้านั้น โดยมีแนวโน้มอาจจะเป็นการร่วมทุนกับบริษัททุนท้องถิ่น


บริษัทยังมองหาการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน หรือ AEC ไปยังลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เพราะประเทศเหล่านี้มีฐานลูกค้าที่ใหญ่มากอยู่แล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ และมุ่งมั่นที่จะนำพาแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยไปสร้างปรากฏการณ์บนเวทีโลก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชุดประกวดนางงามไทยบนเวทีโลก ไปจนถึงผลงานออกแบบชุดผ้าไหมไทยให้กับนักร้องสาวชื่อดัง “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” แห่งวง BLACKPINK จึงทำให้แบรนด์ของกลุ่มอาซาว่านั้น เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะซีแอลเอ็มวี จีน

ส่วนตลาดในประเทศไทยนี้ก็มีแผนที่จะรุกตลาดต่อเนื่องในการสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ๆ นอกจากจะจัดจำหน่ายผ่านหน้าร้าน จำนวน 11 สาขา แต่คงจะไม่มีการขยายสาขาเพิ่มมากเท่าไรนัก โดยปีนี้จะมีการรีโนเวตอีกประมาณ 6 สาขา อย่างสาขาชิดลม และพารากอน รวมถึงร้าน Flagship Store ซ.สุขุมวิท 45 ให้มีดีไซน์ที่แตกต่างกันไปตามความต้องการและไลฟ์ไตล์การใช้ชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ และยังมีช่องทางของแบรนด์ เช่น เว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้ว สัดส่วนรายได้จากออนไลน์ 30% แล้ว ยังได้ขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือขึ้นระหว่างสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ (Bangkok Fashion Society) และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ที่รวบรวมแฟชั่นจากไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ ผลักดันสินค้าแฟชั่นในกลุ่มพรีเมียมสู่ตลาดออนไลน์ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการอีคอมเมิร์ซและแฟชั่นพรีเมียมในเมืองไทย และมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายของแบรนด์อีกด้วย


ทั้งนี้มีแบรนด์อาซาว่า ยอดขายอันดับที่ 1 ในเครือ รองลงมาคือ Uniform by Asava (ยูนิฟอร์ม บาย อาซาว่า) แต่เป็นแบรนด์ที่มาแรงและมีโอกาสที่จะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ได้ โดยเป็นกลุ่มตัดชุดยูนิฟอร์มให้กับบริษัทองค์กรต่างๆ เช่น แบงก์กรุงเทพ แบงก์กรุงไทย โรงพยาบาลศิครินทร์ เป็นต้น

ปัจจุบันแบรนด์ในเครือประกอบด้วยแฟชั่น 5 แบรนด์ คือ Asava (อาซาว่า),
Asv (เอเอสวี), Uniform by Asava (ยูนิฟอร์ม บาย อาซาว่า), White Asava (ไวท์ อาซาว่า), MOO (หมู) และ ร้าน SAVA Modern THAI Flavour (ซาว่า โมเดิร์น ไทย เฟลเวอร์) ที่เป็นร้านอาหาร โดยภาพรวมการเติบโตของแบรนด์ ในช่วงครึ่งแรกปี 2566

ที่ผ่านมา เช่น Asava มียอดขายเติบโตคิดเป็น 35%, Asv มียอดขายเติบโตคิดเป็น 23% และ Uniform by Asava มียอดขายเติบโตคิดเป็น 102% ทำให้ภาพรวมการเจริญเติบโตช่วงครึ่งปีแรกของแบรนด์ภายใต้เครือ Asava Group ทั้งหมดคิดเป็น 63% โดยคาดหวังว่ายอดขายโดยภาพรวมจะเติบโตขึ้นมากกว่า 50% ภายในสิ้นปี 2567 โดยมีรายได้รวมระดับพันล้านบาท และตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีต่อเนื่อง


ความสำเร็จตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เรามองว่าเกิดจากการมีแบรนด์ดีเอ็นเอที่แข็งแกร่ง นั่นคือ “Urban, Sophisticated, Realistic, Authentic, Intelligent” เป็นแนวคิดหลักในการทำงานของอาซาว่า ซึ่งเน้นเรื่องความเป็นตัวตนของผู้หญิงทำงานในเมืองใหญ่, ความโก้หรู ที่ไม่หวือหวา, สามารถสวมใส่ได้จริง, ฉลาดและรู้จักใช้ชีวิต และซื่อตรงต่อสไตล์อันเด่นชัดของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของแบรนด์อยู่ที่เสื้อผ้าที่มีเส้นสายและเอกลักษณ์ในเชิงของงานดีไซน์ที่เฉพาะตัว ทำให้แบรนด์มีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่เหมือนแบรนด์อื่นในตลาด นอกจากนี้บริษัทยังไม่หยุดพัฒนาคุณภาพและบริการ พร้อมเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันบริษัท เติบโตและมีแพลนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์และกิจกรรมทางการตลาดไม่ว่าจะเป็นการจัดแฟชั่นโชว์ รวมไปถึงในอนาคตที่กำลังมองหาพาร์ตเนอร์ เพื่อขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย” นายพลพัฒน์กล่าว


















กำลังโหลดความคิดเห็น