xs
xsm
sm
md
lg

กฟผ.หวังเคลียร์หนี้ค่าไฟจบ เม.ย. 68 ชี้ยืดหนี้ต่อกระทบมั่นคง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"กฟผ." แจงค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 66 ไม่สามารถลดลงตามข้อเสนอเอกชนที่ให้เฉลี่ยเป็น 4.25 บาทต่อหน่วยโดยการยืดหนี้จาก 5 เดือนเป็น 6 เดือนได้ เหตุต้องทยอยใช้หนี้คืน 1.1 แสนล้านให้จบเม.ย. 68 เพื่อจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้นยอดแรกปี 67 ชี้ยืดต่อกระทบเงินสด เครดิตเรตติ้งฉุดลงทุน กฟผ.ต้นทุนแพง

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวด ก.ย.-ธ.ค. 66 ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เห็นชอบเรียกเก็บจำนวน 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับลดลงจากงวดปัจจุบัน (พ.ค.- ส.ค. 2566) จาก 4.70 บาทต่อหน่วย เหลืออยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนได้เรียกร้องให้ลดค่าไฟเหลือเป็น 4.25 บาทต่อหน่วยด้วยแนวทางสำคัญคือการยืดหนี้ กฟผ. 110,000 ล้านบาทออกไปจาก 5 งวดไปเป็น 6 งวดหรือสิ้นสุดภายใน เม.ย. 2568 นั้นยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากจะกระทบต่อกระแสเงินสดหรือสภาพคล่องของ กฟผ.และกระทบต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ของ กฟผ.ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการลงทุนในอนาคตสูงขึ้น              ปัจจุบัน กฟผ.ได้บริหารกระแสเงินสดและสภาพคล่องทางการเงินดังกล่าวโดย 1. ใช้เงินกู้เพื่อบริหารสภาพคล่อง รวม 110,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง เดือนพฤษภาคม 2565 จำนวน 25,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อบริหารภาระค่า Ft (กระทรวงการคลังค้ำประกัน) จำนวน 85,000 ล้านบาท 2. ใช้วงเงินกู้ระยะสั้น (Credit Line) สูงสุด จำนวน 30,000 ล้านบาท และ 3. เลื่อนจ่ายเงินนำส่งรัฐ โดย กฟผ.มีภาระในการคืนเงินต้นเงินกู้เสริมสภาพคล่องซึ่งจะเริ่มมีการชำระยอดแรกในปี 2567 แต่ปัจจุบัน กฟผ.ได้เริ่มชำระดอกเบี้ยแล้ว ดังนั้น หาก กฟผ.ไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดจนต้องมีการขยายเวลาชำระหนี้ออกไปจะส่งผลกระทบต่อดอกเบี้ย ต้นทุนทางการเงิน และอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ของ กฟผ.
              
“กฟผ.เองได้แบกภาระค่าเชื้อเพลิงแทนประชาชนเพื่อลดภาระค่าครองชีพในช่วงที่ผ่านมาต่อเนื่องเพราะค่าเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทำให้ กฟผ.ต้องแบกภาระรวมราว 1.5 แสนล้านบาทในช่วงปลายปี 2565 แต่ได้แบ่งการชำระหนี้คืนออกเป็น 6 งวด (2 ปี) แต่ต่อมารัฐได้ขอให้ขยายเวลาเป็น 7 งวดเพื่อช่วยประชาชน และขณะนี้ได้ทยอยใช้หนี้ไปแล้ว 2 งวดจึงเหลือ 5 งวดเพื่อให้ กฟผ.ได้รับเงินคืนครบภายในเดือนเมษายน 2568 จึงต้องขอให้เป็นไปตามนี้ ถ้าขยายไปเรื่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด เรตติ้งที่ไม่ดีทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้สูงส่งผลให้การลงทุนขยายระบบส่งโรงไฟฟ้าของ กฟผ.ที่มีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นและอาจกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาวได้” ผู้ว่าฯ กฟผ.กล่าวย้ำ          
              
อย่างไรก็ตาม กรณีที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้หาเสียงถึงแนวทางการลดค่าไฟฟ้าซึ่งอาจกระทบต่อแนวทางการชำระคืนหนี้ กฟผ.หรือไม่นั้น นายบุญญนิตย์กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าจำเป็นต้องสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงและยังต้องคำนึงถึงการชำระคืนหนี้ค้างจ่าย กฟผ.ควบคู่ไปด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงค่าไฟฟ้าโดยไม่มีการนำรายได้มาชำระหนี้คืน กฟผ.ก็จะได้รับผลกระทบดังที่กล่าวข้างต้น ดังนั้นเรื่องนี้จำเป็นต้องหารือในรายละเอียด
              
ส่วนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัยที่มีผู้เสนอมาตรการการรับซื้อไฟฟ้าแบบ Net Metering หักลบกลบหน่วยอัตโนมัติโดยให้มีราคาเท่าราคาขายปลีกปัจจุบันทำให้ต้นทุนค่าไฟรวมสูงขึ้นไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
              
“โครงการโซลาร์ภาคประชาชนจะซื้อไฟโซลาร์รูฟท็อปที่เหลือจากการใช้อัตรา 2.20 บาทต่อหน่วยเข้าระบบตามศักยภาพสายส่ง แต่การที่จะขายเพิ่มและเพิ่มราคาขายไฟให้เท่ากับราคาขายปลีกที่ถึงมือประชาชนที่เฉลี่ยขณะนี้ราว 4.45 บาทต่อหน่วย ซึ่งกลางวันคนกลุ่มนี้ใช้ไฟถูกแต่กลางคืนไม่มีแสงแดดไปใช้ไฟในระบบที่ กฟผ.ต้องลงทุนสายส่งซื้อไฟจากเชื้อเพลิงอื่นที่ต้นทุนแพงมาสำรองให้จึงไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ไม่ติดโซลาร์โดยเฉพาะคนจนที่ต้องมาร่วมแบกรับค่าไฟแพง และโครงสร้างเหล่านี้ที่ลงทุนก็ใช้ไม่คุ้มค่าซึ่งหากมีการรับซื้อไฟตามช่วงเวลาของวันหรือ Net Billing จึงมีความเป็นไปได้มากกว่า” ผู้ว่าฯ กฟผ.กล่าว             
กำลังโหลดความคิดเห็น