xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ รฟม.ยันไม่เกี่ยวคดี ’แอชตันอโศก’ แนะทางออก กทม.แก้กฎกระทรวงลดผลกระทบประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ว่าฯ รฟม. ยันไม่เกี่ยวคดี ”แอชตัน อโศก”แจงที่มา อนุญาตทางเข้าออก เยียวยาเวนคืนเจ้าของที่ดินเดิมแบบสงวนสิทธิและไม่ใช่ทางสาธารณะ เผยศาลเคยแนะ ทางออก กทม.แก้กฎกระทรวง เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

จากกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษา สั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง โครงการคอนโดมิเนียม แอชตัน อโศก ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทย่อยของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เนื่องจากโครงการก่อสร้างและดัดแปลงอาคารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เนื่องด้วยที่ตั้งของอาคารโครงการฯ ไม่มีเขตที่ดินด้านหนึ่งด้านใดที่เป็นทางเข้าออกกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะมีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตรยาวต่อเนื่องกัน และ ใบอนุญาต การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นทางเข้าออกสาธารณะได้ ซึ่งขัดต่อวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนที่ดินได้ โดยผู้บริหาร บมจ. อนันดา ระบุว่า จะทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบผู้ว่าราชการกทม.และผู้ว่าการ รฟม.ภายใน 14 วันและจะเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปนั้น

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนเฉพาะการอนุญาตก่อสร้างของโครงการฯ เนื่องจากทางเข้า-ออกที่ รฟม.อนุญาตให้โครงการผ่านเข้าออกได้นั้น ไม่ถือเป็นทางสาธารณะ และ ที่ดินที่ตั้งโครงการฯจึงไม่ติดทางสาธารณะ จึงไม่เป็นไปตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ของกฏกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่า ที่ดินที่รฟม.เวนคืนมาเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการและบริการรถไฟฟ้า กรณีมีการอนุญาตให้เอกชนหรือประชาชน ใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออก จะอยู่ภายใต้การสงวนสิทธิ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามความจำเป็น ของรฟม. ดังนั้นจึงไม่ใช่ทางสาธารณะ ส่วนการที่ เอกชนนำใบอนุญาตจากรฟม.นี้ ไปใช้ประกอบการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่พิเศษ กับ กทม.เป็นเรื่องที่เอกชนต้องสอบถามและหาทางแก้ปัญหา กับกทม.

@รฟม.เผยที่มาเปิดทางเข้าออก เยียวยาผลกระทบเวนคืน

นายภคพงศ์กล่าวว่า กรณี รฟม.อนุญาตใช้ทางเข้าออกนั้น เกิดจากเดิม รฟม.มีการเวนคืนที่ดิน บริเวณแนวถนนอโศกเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แต่เวนคืนเฉพาะที่ดินด้านหน้าติดถนน ทำให้ที่ดินด้านในไม่มีทางออกถนนหรือกลายเป็นที่ดินตาบอด ดังนั้น รฟม.จึงดำเนินการเยียวยาผู้ถูกเวนคืนโดยเปิดเป็นทางจำเป็นให้เข้าออกกว้าง 6.40 เมตรซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน ต่อมาเจ้าของมีการขายที่ดิน ซึ่งต้องให้สิทธิ์ทางจำเป็นกับผู้ซื้อไปด้วยเพื่อใช้เป็นทางเข้าออก

ต่อมาช่วงปี 2557 อนันดาได้เสนอมาที่ รฟม. เพื่อขอขยายถนนทางเข้าออก จากความกว้าง 6.40 เมตร เป็น 13 เมตร ซึ่งรฟม.ในขณะนั้น ได้อนุญาตไป และเท่าที่ทราบ การที่ กทม.อนุญาต อนันดา ก่อสร้างอาคาร เนื่องจากกทม.ตีความว่า กรณีทางผ่านที่ได้รับอนุญาตจากรฟม.ถือเป็นทางสาธารณะ

@แจงรูปแบบขอผ่านเข้าออก ที่ดินรฟม.

ทั้งนี้ยังมีอีกหลายโครงการที่ขออนุญาตใช้ที่ดินรฟม.ผ่านเป็นทางเข้าออก ซึ่งเป็นคนละแบบกับ อนันดา และไม่ได้ถือเป็นทางจำเป็น เช่น ขอผ่านที่ดิน บริเวณ ทางใต้ทางวิ่งเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ โดยรฟม. คิดค่าใช้ทางกับเอกชน ขณะที่ รฟม.ใช้ประโยชน์เป็นทางวิ่งรถไฟฟ้าด้านบนได้ตามวัตถุประสงค์การเวนคืนครบถ้วน

นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบกรณีหน่วยงานราชการ มาขอใช้ที่ดินรฟม. เช่น กทม.ขอใช้ที่ดินรฟม.บริเวณด้านหลังศูนย์ซ่อมบำรุง พระราม 9 ก่อสร้างเป็นถนนสาธารณะ ซึ่งรฟม.อนุญาต กทม. แต่ สงวนสิทธิ์ เรื่อง ค่าเชื่อมทางเข้าออก กรณีมีอาคารเชิงพาณิชย์ คอนโดมิเนียมของเอกชน ต้องขออนุญาต รฟม. ในการเชื่อมทางเข้าออก กับถนน แต่หากเป็นบ้านเรือนประชาชน ก็ไม่ได้คิดค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด

ส่วนกรณีการก่อสร้างทางเชื่อมแบบสกายวอล์ก หรือทางเดินเชื่อมใต้ดิน กับสถานีรถไฟฟ้า เป็นคนละรูปแบบกัน เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า

@แนะแก้กฎกระทรวงฉบับที่ 33

ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดพิพากษา แล้ว คงต้องปฎิบัติตาม แต่เรื่องนี้ยังมีแนวทางออกที่จะ แก้ปัญหา และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบหากต้องรื้อถอนอาคาร เช่น แก้ไข กฎกระทรวงฉบับที่ 33 เพื่อไม่ให้การตีความของกทม. ขัดแย้งกับกฎกระทรวงฯ โดยการแก้ไขกฎกระทรวงมีขั้นตอน เสนอคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามประกาศใช้ ซึ่งเรื่องนี้ทราบว่า ศาลเคยให้คำแนะนำไว้ในการพิจารณาชั้นต้น ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับรฟม.

@ยังไม่รับเงินค่าตอบแทน 97 ล้านบาท จากอนันดา

นายภคพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการอนุญาตใช้พื้นที่ รฟม.เป็นทางเข้าออกกว้าง 6.40 เมตรเป็นเรื่องการเยียวยาผู้ถูกเวนคืน จึงไม่มีการคิดค่าอนุญาตใดๆ แต่จะคิดในส่วนที่เอกชน ขอขยายเพิ่มเติมอีก 6.60 เมตร ทำให้มีความกว้าง เป็น 13 เมตร ซึ่งประเมินค่าผ่านทางกว่า 9 ล้านบาท นอกจากนี้ ทาง อนันดายังขอกันพื้นที่ส่วนของลานจอดรถ รฟม. ที่ติดพื้นที่ก่อสร้างอาคารสูงไว้ในระหว่างก่อสร้าง 3-4 ปี เพื่อป้องกันอันตรายจากเศษวัสดุตกหล่น โดย
จ่ายค่าเสียโอกาสรายได้ให้รฟม.อีกประมาณ 88 ล้านบาท เท่ากับ เอกชนต้องจ่ายให้รฟม. 2 ส่วนรวมกันประมาณ 97 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีประเด็นฟ้องร้อง รฟม.จึงยังไม่รับเงินดังกล่าว

“รฟม.ยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้เอกชนเสียหาย การจะเรียกร้องใดๆ จากรฟม.คงทำไม่ได้ เพราะเมื่อเอกชนมาขออนุญาตขยายทางเข้าออก รฟม.ก็อนุญาตให้ เพราะเป็นเรื่องเยียวยาจากการเวนคืนที่รฟม.ทำมาตลอด อีกทั้งทางเข้าออกดังกล่าว รฟม.ใช้ประโยชน์ร่วมสำหรับทางเข้าออกลานจอดรถ รฟม.ที่สถานีสุขุมวิท และคำพิพากษาไม่ได้เพิกถอน ทางเข้าออกในที่ดินที่รฟม.อนุญาตแต่อย่างใด”


กำลังโหลดความคิดเห็น