กรมการค้าภายในประสานบิ๊กอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ 6 ราย รวม 54 หมู่บ้าน 25 คอนโดมิเนียม ช่วยระบายผลไม้ภาคใต้ ตั้งเป้าขายให้ 5 หมื่นครัวเรือน ปริมาณ 5 พันตัน เผยแผน 2 นำขายผ่านห้างท้องถิ่น 600 สาขา ปั๊มน้ำมัน 5 พันแห่ง และโมบายล์พาณิชย์ 100 จุด มั่นใจดันราคาดีขึ้นต่อเนื่อง
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือกับผู้บริหารและเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ จำนวน 6 ราย ได้แก่ บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด, บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชัน จำกัด, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แมเนจเม้นท์ (AP) จำกัด ที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านรวม 54 หมู่บ้าน และคอนโดมิเนียมรวม 25 แห่ง ให้เข้ามาช่วยกระจายผลไม้ภาคใต้เข้าสู่ครัวเรือนที่อยู่ในหมู่บ้านและคอนโดฯ รวม 50,000 ครัวเรือน เป้าหมายปริมาณรวม 5,000 ตัน
“ก่อนหน้านี้เคยไปคุยกับนิติบุคคลของแต่ละหมู่บ้าน แต่ละคอนโดมิเนียม ซึ่งต้องเข้าไปคุยแต่ละแห่ง มันเสียเวลา ก็เลยนัดคุยกับผู้บริหารและเจ้าของโครงการไปเลย สรุปเขาพร้อมช่วย โดยจะเปิดพื้นที่ในหมู่บ้าน บริเวณคอนโดฯ ให้เอาผลไม้ไปวางขาย แล้วกรมฯ จะประสานนำผลไม้มาจำหน่ายทุกวัน วันละ 200-300 ตัน กระจายไปในแต่ละพื้นที่ และทำต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลผลิตผลไม้ภาคใต้ที่กำลังออกสู่ตลาด และมั่นใจจะช่วยผลักดันให้ราคาสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง” นายวัฒนศักย์กล่าว
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า มาตรการดูแลผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด กรมฯ ยังคงใช้มาตรการหลัก คือ ประสานผู้ประกอบการ ทั้งผู้ส่งออก ล้ง โรงงานแปรรูป ห้างค้าส่งค้าปลีก ผู้ค้าส่ง เข้าไปซื้ออย่างต่อเนื่อง และมีมาตรการเสริมอีกหลายมาตรการ โดยการประสานกับโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในมาตรการเสริมที่ได้ทำเพิ่มในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นตัวระบายผลผลิตผลไม้ได้เป็นอย่างดี และหากระบายได้ไม่เร็วพอ ยังมีแผน 2 ที่จะระบายผ่านห้างท้องถิ่นที่มีอยู่กว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ปั๊มน้ำมันที่มีสาขารวมกันกว่า 5,000 สาขา รวมถึงโมบายล์พาณิชย์ที่มี 100 จุด
ทั้งนี้ ในส่วนของทุเรียน ไม่มีปัญหา เพราะตลาดมีความต้องการ ทั้งการส่งออกไปจีน ที่ปัจจุบันยังต้องการมาก มีผู้ส่งออก มีล้งเข้ามารับซื้อต่อเนื่อง รวมถึงห้องเย็น ที่ซื้อไปเก็บเพื่อไว้ส่งออกช่วงที่ผลผลิตหมดฤดูกาล ส่วนมังคุด ผลผลิตรุ่นแรกหมดแล้ว กำลังเข้าสู่รุ่น 2 ในพื้นที่นครศรีธรรมราช และ 3 จังหวัดภาคใต้ โดยเกรดส่งออกมีคนเข้าไปซื้ออยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา แต่เกรดคละ ต้องเข้าไปดูแล เพราะเวลาออกจะออกมาก ออกพร้อมๆ กัน โดยจะระบายผ่านอสังหาริมทรัพย์ ห้างท้องถิ่น ขายผ่านปั๊ม ผ่านโมบายล์พาณิชย์ ซึ่งจะดูดผลผลิตออกได้มากเพราะระบายออกทุกวัน
ปัจจุบัน ทุเรียนภาคใต้ ผลผลิตออกแล้วประมาณ 30-40% มังคุด 50% เงาะ 30-40% โดยราคาทุเรียน เกรด AB กิโลกรัม (กก.) ละ 120-125 บาท เกรด C กก.ละ 90-100 บาท เกรด D กก.ละ 75-80 บาท มังคุดรุ่นแรก เกรดมัน เฉลี่ย กก.ละ 60-95 บาท สูงสุด 120 บาท เกรดคละ กก.ละ 35 บาท และเงาะ กก.ละ 30-35 บาท