xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”เผยใช้สิทธิ์ FTA ส่งออก 2 เดือนปี 66 มีมูลค่า 11,819.49 ล้านเหรียญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ช่วง 2 เดือนปี 66 มีมูลค่า 11,819.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 7.11% เป็นไปตามทิศทางการส่งออกที่ลดลง แต่สัดส่วนการใช้สิทธิ์ยังขยายตัว ตามความต้องการของผู้ส่งออกที่ใช้ FTA สร้างความได้เปรียบ ระบุอาเซียนแชมป์ใช้สิทธิ์สูงสุด ตามด้วยอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย อาเซียน-อินเดีย ส่วนกรอบ RCEP ใช้สิทธิ์พุ่งแรงถึง 452.24%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) จำนวน 12 ฉบับ ในช่วง 2 เดือนปี 2566 (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่ารวม 11,819.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.11% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 74.52% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ที่มีมูลค่า 15,860.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกับการส่งออกในช่วง 2 เดือนปี 2566 ที่ขยายตัวได้ลดลง แต่สัดส่วนการใช้สิทธิ์ยังมีทิศทางดีขึ้น ตามที่ผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างความได้เปรียบทางการค้า

สำหรับสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงจากหลายกรอบความตกลง FTA ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน และน้ำตาล (อาเซียน) ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง และทุเรียนสด (อาเซียน-จีน) รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) และรถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 cc ขึ้นไป (ไทย-ออสเตรเลีย) เป็นต้น

ส่วนความตกลง FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน มูลค่า 4,685.08 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.84% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 72.86% โดยเป็นการใช้สิทธิ์ส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 1,338.74 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา มาเลเซีย มูลค่า 1,163.97 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม มูลค่า 999.15 ล้านเหรียญสหรัฐ และฟิลิปปินส์ มูลค่า 735.02 ล้านเหรียญสหรัฐ และสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน) น้ำตาล รถยนต์เพื่อขนส่งบุคคล (1,500 - 3,000 cc) และน้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัสอื่น ๆ เป็นต้น

อันดับ 2 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 2,860.90 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.40% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 86.53% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง ทุเรียนสด สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง ผลไม้สด (ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ) เป็นต้น

อันดับ 3 ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 1,070 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.97% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 79.21% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง เนื้อไก่แช่เย็นจนแข็ง เดกซ์ทรินและโมดิไฟด์สตาร์ช กุ้งปรุงแต่ง กระสอบและถุงทำด้วยโพลิเมอร์ของเอทิลีน เป็นต้น

อันดับ 4 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 941.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 17.40% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 67.60% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น รถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) รถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 cc ขึ้นไปและขนาด 1,000-1,500 cc ปลาทูน่าปรุงแต่ง และส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

อันดับ 5 ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 821.98 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.48% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 66.61% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ลวดทองแดง สารประกอบออร์แกโน-อินออร์แกนิก โพลิเมอร์ของไวนิลคลอไรด์หรือของฮาโลเจเนเต็ดโอลีฟิน ในลักษณะขั้นปฐมอื่น ๆ และฟอยล์อะลูมิเนียมมีความหนาไม่เกิน 0.2 มิลลิเมตร เป็นต้น

ทั้งนี้ นอกจากการใช้สิทธิ์จากความตกลงข้างต้นแล้ว ยังมีการใช้สิทธิ์ตามกรอบความตกลงอื่น ๆ อีก ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) มูลค่า 547.84 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.03% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 61.44% และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 465.20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 42.91% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 33.38% และความตกลง RCEP มีการส่งออกไปยัง 10 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา มูลค่า 195.16 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 452.24% โดยสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP เช่น น้ำมันหล่อลื่น ปลาทูน่ากระป๋อง มันสำปะหลังเส้น หัวเทียน ฟล็อก ผงสิ่งทอ และมิลเน็ป เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น