กรมการค้าภายในลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก พาผู้ประกอบการรับซื้อมะม่วงจากเกษตรกร อัปราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 18-20 บาท หลังมะม่วงเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล เหลือผลผลิตอีกไม่มากก็จะหมด เผยปีนี้ราคาดีขึ้นต่อเนื่อง หลังใช้อมก๋อยโมเดล นำผู้ประกอบการเข้าไปช่วยซื้อแล้วกว่า 16,000 ตัน และนำผลผลิตกระจายผ่านจุด Fruit Festival 2023 และช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ ดันราคามะม่วงน้ำดอกไม้เพิ่ม 36% มะม่วงฟ้าลั่นเพิ่ม 64% ทำชาวสวนยิ้มออก รายได้เพิ่มขึ้น
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงแปลงใหญ่บ้านลำภาศ ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงตำบลวังทับไทร อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 ว่า ในปีนี้กรมฯ ได้พาผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลผลิตจนปัจจุบันเข้าสู่ช่วงปลายฤดูการผลิตแล้ว โดยภาพรวมผลผลิตของจังหวัดพิจิตรและพิษณุโลกจะหมดฤดูกาลประมาณวันที่ 5 พ.ค. 2566 และจากการติดตามผลพบว่าขณะนี้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาสูง โดยเกรดส่งออก ณ วันที่ 3 พ.ค. 2566 อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 35 บาท เกรดคละ กก.ละ 18-20 บาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงปลายฤดูของปีก่อนที่ราคาอยู่ที่ กก.ละ 13-15 บาท ส่วนมะม่วงฟ้าลั่น ผลผลิตใน 2 จังหวัดสิ้นสุดฤดูกาลแล้ว โดยราคาปีนี้อยู่ที่ 9-10 บาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ราคา 5-6 บาท เพิ่มขึ้น 64%
“ต้องขอขอบคุณพี่น้องเกษตรกรที่ช่วยดูแลรักษาคุณภาพผลผลิตได้ดีตั้งแต่ต้นจนถึงปลายฤดูกาล ทำให้มีผลผลิตมะม่วงเกรดคุณภาพ และสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง โดยในช่วงต้นฤดูเกษตรกรสามารถขายได้ กก.ละ 40 บาท จนเริ่มต้นฤดู กก.ละ 30 บาท และปัจจุบันปลายฤดู ยังคงรักษาระดับราคาได้อยู่ที่ กก.ละ 20 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีกว่าปีก่อนมาก” นายกรนิจกล่าว
ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง ได้ข้อมูลจากนายบุญส่ง สีสะท้าน เกษตรกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ว่า ปีนี้ราคามะม่วงดีกว่าปีที่ผ่านมามาก ปัจจุบันความต้องการยังมีมาก ทำให้ราคาขายได้ดี กก.ละ 18-20 บาท ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีช่องทางการตลาด ก็ได้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเข้ามาช่วยเหลือ โดยนำผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อถึงที่ และสามารถขายผลผลิตได้ราคาดี โดยกลุ่มเกษตรกรที่กรมการค้าภายในพาผู้ประกอบการมารับซื้อมีจำนวน 10 กลุ่ม ใน 2 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ พิจิตร (อ.เมือง อ.สากเหล็ก อ.ดงเจริญ อ.วังทรายพูน) และพิษณุโลก (อ.เมือง อ.วังทอง อ.เนินมะปราง) โดยผลการรับซื้อล่าสุดรวมแล้วประมาณ 16,000 ตัน และนำไปกระจายผ่านจุด Fruit Festival 2023 ทั้งในห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างท้องถิ่น และช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ
นายกรนิจกล่าวว่า กรณีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านหนองปรือ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่มีการร้องเรียนว่าราคามะม่วงตกต่ำ ไม่มีตลาดปลายทาง จากการตรวจสอบและประสานงานช่วยเหลือ พบว่าปัจจุบันมีคนเข้าไปรับซื้อเป็นจำนวนมาก โดยการรับซื้อผลผลิตตกเกรด อยู่ที่ กก.ละ 10 บาท และผลผลิตของกลุ่มเหลือไม่ถึง 50 ตัน และสำหรับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดคละ มีผู้ประกอบการติดต่อรับซื้อราคาอยู่ที่ กก.ละ 18 บาท
“มะม่วงที่เป็นข่าว เป็นมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ ซึ่งผลผลิตสิ้นสุดฤดูกาลแล้ว ไม่มีผลผลิตที่รับประทานได้แล้ว เป็นมะม่วงหล่น ที่รอจำหน่ายเพื่อนำไปกวนเป็นมะม่วงกวนเท่านั้น ซึ่งปกติจะมีผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อทำมะม่วงกวน ไม่ใช่มะม่วงสด หรือมะม่วงน้ำดอกไม้แต่อย่างใด โดยกรมฯ ได้ประสานผู้ประกอบการเข้าไปช่วยรับซื้อสินค้าจากกลุ่มนี้ในราคา 18 บาท ซึ่งกลุ่มก็ไม่มีผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ โดยผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะรับซื้อในราคา 18 บาทหากกลุ่มสามารถรวบรวมผลผลิตได้” นายกรนิจกล่าว
นางอุบลรัตน์ ศิลตระกูล พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามะม่วงราคา 1-2 บาท/กก.นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นราคาของมะม่วงที่ไม่มีคุณภาพ โดยปัจจุบันราคาขายมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดคละ ราคาอยู่ที่ 18-20 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 13-15 บาท/กก. ตกเกรด ราคาอยู่ที่ 8-10 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 3-5 บาท/กก. และมะม่วงฟ้าลั่น ราคาอยู่ที่ 8-9 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 5-6 บาท/กก. ซึ่งราคามะม่วงอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้เข้าสู่ปลายสุดของฤดูผลผลิตมะม่วงแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มะม่วงจะสุกจัดและร่วงเป็นปกติ กรณีมะม่วงหล่น ก็จะมีผู้ประกอบการรับซื้อนำผลผลิตเกรดนี้ไปทำเป็นสินค้ามะม่วงกวน