“กรมการค้าภายใน” คิกออฟ “Fruit Festival 2023” จับมือห้างท้องถิ่น เปิดจุดจำหน่ายมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ปริมาณกว่า 1,000 ตัน หรือ 1 ล้านกว่ากิโลกรัม ใน 200 จุดทั่วประเทศ ประชาชนแห่ซื้อ จนหลายจุดมะม่วงหมดเกลี้ยงในพริบตา ที่เหลือคาดหมดเร็ว ๆ นี้ เผยช่วยระบายผลผลิตให้กับเกษตรกร กระตุ้นให้มีการบริโภคผลไม้เพิ่มขึ้น และช่วยดันราคามะม่วงปีนี้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ผนึกกำลังร่วมกับชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่งแห่งประเทศไทย (ห้างท้องถิ่น) ซึ่งมีสาขาร่วมกันกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ แยกเป็นภาคอีสาน 69 สาขา ภาคใต้ 52 สาขา ภาคกลาง 41 สาขา ภาคเหนือ 38 สาขา ทำการ Kick off กิจกรรม Fruit Festival 2023 โดยนำมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง จากแหล่งผลผลิตในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก กว่า 1,000 ตัน หรือกว่า 1 ล้านกิโลกรัม มาเปิดจุดจำหน่ายในราคา 30 บาท/กิโลกรัม (กก.) เพื่อช่วยพี่น้องชาวสวนได้มีตลาดรองรับผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาดมากในขณะนี้ และกระตุ้นให้ประชาชนหันมาบริโภคผลไม้เพิ่มขึ้น และผลักดันให้ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ปรับตัวสูงขึ้น
โดยจากการติดตามกิจกรรมเปิดจุดจำหน่ายมะม่วงร่วมกับห้างท้องถิ่นกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พบว่า ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเดินทางมาซื้อมะม่วงตลอดทั้งวัน และบางจุดมะม่วงจำหน่ายหมดเกลี้ยงภายในพริบตา และผลผลิตที่เหลือคาดว่าจะจำหน่ายหมดในเร็ว ๆ นี้ และเมื่อจำหน่ายหมด กรมฯ จะเข้าไปรับซื้อมะม่วงจากเกษตรกรในพื้นที่ ๆ ผลผลิตออกมาก มาเปิดจุดจำหน่ายต่อไป ซึ่งไม่ใช่แค่เปิดจุดจำหน่ายผ่านห้างท้องถิ่น แต่ในห้างค้าส่งค้าปลีก เช่น โลตัส บิ๊กซี แมคโคร ท๊อป ได้เปิดจุดจำหน่ายมะม่วง และผลไม้อื่น ๆ ในโครงการ Fruit Festival 2023 ด้วย
ทั้งนี้ ผลจากการนำผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อมะม่วงจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นฤดูกาลผลิตและกระจายออกนอกแหล่งผลิตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ เกรด AB ปัจจุบันอยู่ที่ 20-25 บาท/กิโลกรัม (กก.) สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 15-20 บาท/กก. ส่วนมะม่วงฟ้าลั่น ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 9-10 บาท/กก. สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ 6-7 บาท/กก.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ร่วมกับศูนย์การค้าสยามพารากอน และกูร์เมต์ มาร์เก็ต เปิดงาน “พาณิชย์ Fruit Festival 2023” ซึ่งเป็น 1 ใน 22 มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 เป็นครั้งแรก ณ พาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อจำหน่ายผลไม้สดและแปรรูปมากกว่า 100 ชนิด เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรดภูแล ส้มสายน้ำผึ้ง ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป ไอศกรีมทุเรียนและผลไม้ บ้าบิ่นทุเรียน พิซซ่าหน้าผลไม้ เป็นต้น และได้ร่วมมือกับพันธมิตรเอกชนและผู้ประกอบการรายอื่น ๆ เช่น สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (พีที พีทีทีสเตชัน บางจาก เชลล์) นิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการแปรรูป การเคหะแห่งชาติ ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ส่วนราชการท้องถิ่น เข้ามาช่วยระบายผลผลิตมะม่วงผ่านช่องทางที่ตัวเองมีอยู่ ทั้งการนำไปจำหน่ายในปั๊มน้ำมัน รับพรีออเดอร์ผลไม้จากนิคมอุตสาหกรรม นำไปเปิดจุดจำหน่ายที่การเคหะแห่งชาติ ส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการระบายผลไม้ และช่วยให้ประชาชนสามารถหาซื้อผลไม้ไปบริโภคได้ง่ายขึ้น
ในปี 2566 คาดการณ์ผลผลิตผลไม้ในประเทศจะมีปริมาณ 6.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านตัน จากผลผลิต 6.56 ล้านตันในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 3% โดยผลผลิตที่คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ได้แก่ ทุเรียน เพิ่ม 18% มังคุด เพิ่ม 22% เงาะ เพิ่ม 4% ลองกอง เพิ่ม 80% และลำไย เพิ่ม 0.8% ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับภาคเอกชนและเกษตรกร ประชุมกำหนดแผนบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 ไว้ล่วงหน้าแล้ว และกำหนดมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี 2566 จำนวน 22 มาตรการ มีเป้าหมายการรับซื้อผลผลิตรวม 700,000 ตัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มนำมาตรการต่าง ๆ มาขับเคลื่อน เพื่อดูแลผลไม้ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว ทำให้ราคาผลไม้อยู่ในเกณฑ์ดีตั้งแต่ต้นฤดู เช่น มะม่วงฟ้าลั่น ราคาสูงกว่าปีก่อน 46% มะม่วงน้ำดอกไม้ เพิ่ม 29-40% มังคุด เพิ่ม 80-146% เงาะโรงเรียน เพิ่ม 94% ทุเรียนหมอนทอง เพิ่ม 5% เป็นต้น