xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออก มี.ค.ดีเกินคาดลบ 4.2% มูลค่าสูงสุด 12 เดือน ตัวเลขมากสุดอันดับ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส่งออก มี.ค. 66 มูลค่า 27,654.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 4.2% ลบน้อยกว่าที่ทุกสำนักประเมิน ทำมูลค่าสูงสุดในรอบ 12 เดือน และสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 2 ตั้งแต่มีการส่งออก เผยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรฟื้นตัวต่อเนื่อง เพิ่ม 4.2% อุตสาหกรรมยังลบ 5.9% สรุปไตรมาสแรก ลบ 4.5% คาดไตรมาส 2 ลบน้อยลง และดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งปีมั่นใจทำได้ 1-2% “ปลัดพาณิชย์” นัดถก กรอ.พาณิชย์ 23 พ.ค. ทำแผนขับเคลื่อนส่งออกระยะที่ 2

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนมี.ค.2566 มีมูลค่า 27,654.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.2% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 942,939 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 24,935.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.1% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 860,535 ล้านบาท เกินดุลการค้า มูลค่า 2,718.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 82,403 ล้านบาท รวม 3 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 70,280.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 4.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 2,373,189 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 73,324.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 0.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 2,508,390 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 3,044.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 135,201 ล้านบาท

โดยการส่งออกที่ลดลง มาจากการลดลงของสินค้าอุตสาหกรรม 5.9% ลดต่อเนื่อง 6 เดือนติด โดยสินค้าที่หดตัว เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ลด 14.2% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ลด 6% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ลด 13.7% อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ลด 3.5% แต่รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่ม 1.4% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 16.7% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เพิ่ม 66.4% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 27.4% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 5% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 55.9%

ส่วนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้น 4.2% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 1.2% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.1% สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำตาลทราย เพิ่ม 73.9% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 5.7% ข้าว เพิ่ม 7.2% ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เพิ่ม 94.5% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 6.2% เครื่องดื่ม เพิ่ม 13.2% ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง เพิ่ม 47.9% ส่วนยางพารา ลด 41.1% อาหารสัตว์เลี้ยง ลด 25% ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ลด 17.8%

สำหรับการส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ดีขึ้น และหดตัวน้อยลง โดยตลาดหลัก ลด 0.8% เช่น จีน ลด 3.9% CLMV ลด 3.5% อาเซียน 5 ประเทศ ลด 2.1% สหภาพยุโรป ลด 7.3% แต่สหรัฐฯ เพิ่ม 1.7% ญี่ปุ่น เพิ่ม 10.2% ตลาดรอง ลด 3.4% เช่น เอเชียใต้ ลด 6.9% ทวีปออสเตรเลีย ลด 23.3% แต่รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 228% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 3% ละตินอเมริกา เพิ่ม 5.9% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 5.8% และตลาดอื่น ๆ ลด 39.5% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ลด 43.5%

ทางด้านการค้าชายแดนและผ่านแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในตัวเลขการส่งออกรวม เดือน มี.ค. 2566 การค้ารวมมีมูลค่า 163,714 ล้านบาท เพิ่ม 9.57% แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 95,992 ล้านบาท เพิ่ม 13.93% และนำเข้า มูลค่า 67,722 ล้านบาท เพิ่ม 3.94% โดยส่งออกชายแดน ไปสปป.ลาว และเมียนมา เพิ่มขึ้น แต่ส่งออกไปมาเลเซียและกัมพูชาลดลง และการส่งออกผ่านแดนไปจีน สิงคโปร์ และเวียดนาม เพิ่มขึ้นทุกตลาด

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะนัดหารือกับภาคเอกชนในเวที กรอ.พาณิชย์ วันที่ 23 พ.ค. 2566 โดยจะประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลก และมาร่วมกันจัดทำแผนการขับเคลื่อนการส่งออกระยะที่ 2 อย่างละเอียดว่าจะเดินหน้าแบบไหน อย่างไร เพื่อผลักดันตัวเลขการส่งออก หลังจากที่แผนระยะที่ 1 ที่ตั้งเป้าผลักดันการส่งออกไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ CLMV ได้ขับเคลื่อนจนเป็นผลสำเร็จ และทำให้ตัวเลขการส่งออกดีขึ้น

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค. 2566 ที่ทำได้ 27,654.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าทำได้ดีกว่าที่ทุกสำนักประเมินเอาไว้ โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะติดลบเป็นตัวเลข 2 หลัก แต่ผลออกมาติดลบแค่ 4.2% และยังลบน้อยกว่าประเทศส่งออกอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ลด 7.5% เกาหลีใต้ ลด 13.6% สิงคโปร์ ลด 5.2% อินเดีย ลด 13.9% ไต้หวัน ลด 19.1% เวียดนาม ลด 14.4% และมาเลเซีย ลด 7.3% เป็นต้น ส่วนมูลค่าก็เป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 12 เดือน แต่ถ้านับตั้งแต่มีการส่งออก เป็นตัวเลขที่ทำสถิติส่งออกสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 รองจากตัวเลขเดือน มี.ค. 2565 ที่ทำได้ 28,858 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไตรมาส 2 คาดว่าส่งออกจะยังติดลบ แต่จะลดน้อยลง และจะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งปียังประเมิน 1-2% ซึ่งแต่ละเดือนจะต้องส่งออกให้ได้ 24,500 ล้านเหรียญสหรัฐ


กำลังโหลดความคิดเห็น