“จุรินทร์” เตรียมสร้างประวัติศาสตร์การค้าหน้าใหม่อีกครั้ง หลังนัดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศนับหนึ่งการเจรจา FTA ไทย-ยูเออีวันที่ 9 พ.ค.นี้ มั่นใจช่วยสร้างแต้มต่อให้ประเทศไทย และเพิ่มประเทศที่ไทยมี FTA ไล่หลังเวียดนามอีกนิดเดียว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่บริเวณหน้าตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้นัดหมายกับรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการเจรจา FTA ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อประกาศการเริ่มต้นการเจรจา FTA ระหว่างกันในวันที่ 9 พ.ค. 2566 ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ตนได้เดินทางไปยูเออีเพื่อไปหารือและผลักดันให้มีการทำ FTA ระหว่างไทยกับยูเออี เมื่อเดือน ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา และจากนั้น ภายใน 3 เดือนไทยและยูเออีสามารถตกลงกันได้ว่าจะมีการประกาศนับหนึ่งการเจรจายกร่าง FTA ระหว่างกันอย่างเป็นทางการ
“จะถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ที่เราสามารถทำ FTA กับยูเออีได้ภายในเวลา 3 เดือน หลังจากที่ผมเดินทางไปเจรจา จะมีผลช่วยให้ได้แต้มต่อในการส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ถ้าเราได้ภาษีเป็นศูนย์ในการส่งไปยูเออีหรือดูไบ จะได้สิทธิกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council หรือ GCC ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน) ไปด้วย” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวว่า หลังจากนับหนึ่งเจรจา FTA ไทย-ยูเออี ในวันที่ 9 พ.ค. 2566 จากนั้นจะมีการลงลึกรายละเอียดในข้อตกลงว่าจะมีกี่ข้อ อย่างไร และจะถือเป็น FTA ที่ไทยทำกับประเทศที่มีจีดีพีเกือบสูงที่สุดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับยูเออีตกปีละ 700,000 ล้านบาท และการค้าไทยกับยูเออีคิดเป็น 3.5% ของการค้าที่ไทยค้ากับโลก ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญ เป็นผลการทำงานหนักระหว่างตนกับเอกชนร่วมกันในช่วงปลายรัฐบาล
ทั้งนี้ ไทยมี FTA 14 ฉบับ 18 ประเทศ แต่หลังตนประกาศทำ FTA กับสหภาพยุโรป หรืออียู 27 ประเทศ ทำให้บวกจาก 18 ประเทศ เป็น 45 ประเทศ และได้เป็น 46 มีผลสัมฤทธิ์ช่วยให้ปริมาณ FTA ที่ไทยทำตามหลังเวียดนามอีกนิดเดียว ซึ่งจะมีส่วนช่วยสำหรับการสร้างอนาคตและสร้างเงินให้ประเทศอย่างยิ่งต่อไป