ผู้ถือหุ้นบางจากฯ อนุมัติซื้อ ESSO มูลค่ากิจการรวม 5.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจปิดดีลการทำธุรกรรมได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยราคาซื้อขายหุ้นสุดท้ายต้องรองบ ESSO ในไตรมาส 2/66 คาดอยู่ในช่วง 8-9 บาท/หุ้น ลั่นเตรียมเงินพร้อมแล้ว
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ได้มีมติเห็นชอบในทุกวาระ รวมถึงวาระการเข้าซื้อหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) ด้วยคะแนนเสียง 99.85% โดยบางจากฯจะดำเนินการซื้อหุ้นคิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของเอสโซ่จาก ExxonMobil ภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ที่เหลือทั้งหมดภายใน 25-45 วัน มั่นใจว่าการทำธุรกรรมจะสิ้นสุดหรือจบดีลภายในสิ้นปี 2566
ส่วนราคาซื้อขายหุ้นสุดท้ายคงต้องรองบการเงินของ ESSO ในไตรมาส 2/2566 แล้วเข้าสูตรในการคำนวณออกมาเป็นราคาเสนอซื้อหุ้น ESSO เชื่อว่าราคาสุดท้ายจะอยู่ในช่วงที่ 8-9 บาท/หุ้น โดยบางจากฯ จะใช้เงินในการซื้อหุ้น ESSO จาก ExxonMobil ราว 2.2 หมื่นล้านบาท ที่ราคาซื้อขายหุ้นสุดท้ายจะใช้ในการทำเทนเดอร์ฯ โดยแหล่งเงินทุนในการซื้อหุ้น ESSO นั้นมาจากกระแสเงินสดและการกู้ยืมจากสถาบันการเงินด้วย
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า การซื้อ ESSO ทำให้บางจากฯ ได้สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง คือ โรงกลั่นน้ำมัน กำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท โดยบางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 294,000 บาร์เรลต่อวัน มีสถานะเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีเครือข่ายสถานีบริการรวมเป็น 2,150 แห่งหรือคิดเป็น 7.4% ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด คาดว่าการซื้อ ESSO นี้บางจากจะคืนทุนได้ภายใน 4-5 ปี
การมี 2 โรงกลั่นน้ำมันภายใต้การบริหารงานของบางจาก จะทำให้เกิด Synergy ในการจัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และบางจากมีปริมาณน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นเอสโซ่ด้วย โดยยอมรับว่าโรงกลั่นบางจากมีกำลังการกลั่นที่ 1.23 แสนบาร์เรลต่อวัน ไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายผ่านสถานีบริการบางจากฯ ที่ต้องการจำหน่าย 1.43 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศบางส่วน ดังนั้นการเข้าซื้อ ESSO จะทำให้บริษัทได้ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งสิทธิการใช้ท่อส่งน้ำมันแทปไลน์ด้วย ซึ่งบางจากจะทยอยเปลี่ยนโลโก้ปั๊ม ESSO เป็นโลโก้ใหม่ของบางจากในปี 2567 ขณะที่ ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบางจากฯ เห็นชอบให้เข้าซื้อหุ้นสามัญโดยตรง จำนวน 2,283,750,000 หุ้นใน บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) หรือคิดเป็นราว 65.99% จากบริษัท Exxon Mobil Asia Holdings Pte.Ltd. และบางจากฯ จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดไม่เกิน 1,177,108,000 หุ้น หรือคิดเป็น 34.01% ในราคาเดียวกัน โดยบางจากตั้งงบในการซื้อ ESSO อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อหุ้น ESSO ราว 3 หมื่นล้านบาท และหนี้สินกว่า 2 หมื่นล้านบาท