“คิง คอฟฟี่” จัดเต็มปั้น “โซคิ้วบ์” บุกตลาดกาแฟสดฟรีซดรายก้อน

ผู้จัดการรายวัน - “คิง คอฟฟี่” จาก OEM สู่โอนแบรนด์ ทุ่ม 500 ล้านบาท ลุยศึกกาแฟเต็มตัว เปิดเซกเม้นท์ใหม่ ส่ง “โซคิ้วบ์” กาแฟสดรูปแบบก้อนฟรีซดราย เจ้าแรกในไทย มั่นใจปีแรกโกย 160 ล้านบาท ดันรายได้รวมทะลุ 560 ล้านบาท


นายปิติพัฒน์ ตันวีรสุต ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คิง ฟรีช แอนด์ ดราย จำกัด เปิดเผยว่า คิง คอฟฟี่ ดำเนินธุรกิจ OEM รับจ้างผลิตกาแฟมากว่า 20 ปี มีลูกค้ากว่า 400 รายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทใช้งบกว่า 500 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 2 บริษัท คือ บริษัท คิง สเปย์ ดราย จำกัด เป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบในการผลิตกาแฟ เมื่อ 2 ปีก่อน ลงทุน 450 ล้านบาทและปี2566นี้อีก 50 ล้านบาท เปิดตัว บริษัท คิง ฟรีซแอนด์ ดราย จำกัด เป็นโรงงานผลิตและจัดจำหน่าย "โซคิ้วบ์ - XO CUBE" กาแฟสดรูปแบบก้อนฟรีซดราย เจ้าแรกในไทย

“ครั้งนี้นับเป็นอีกปรากฎการณ์หนึ่ง ที่เราตั้งใจสร้างความต่างในธุรกิจตลาดกาแฟในประเทศไทย ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ กาแฟรูปแบบก้อน แบรนด์ โซคิ้วบ์ - XO CUBE ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย และเราเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนภาพการดื่มกาแฟสำเร็จรูปแบบเดิมไปของกาแฟแบบซอง 3in1 ด้วยขั้นตอนการบ่มและคั่วเมล็ดกาแฟคงที่ ประกอบกับเรามีการลงทุนสร้างสาย งานผลิตใหม่ทั้งหมดให้ได้กาแฟสดฟรีชดรายรูปแบบก้อน ที่เป็นนวัตกรรมกาแฟสำเร็จรูปรายแรก เพื่อให้นักดื่มกาแฟชาวไทยได้รสและกลิ่นเต็มเมล็ด ไม่เสียรสชาติแบบการผลิตเดิม”


สำหรับคิง คอฟฟี่ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เน้นธุรกิจ OEM ผลิตกาแฟให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น มิสทีน, บอดี้เชฟ และดิ ไอคอน กรุ๊ป รวมกว่า 400 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านั้น 5-6 ปี เคยทำแบรนด์ของตัวเองออกมา แต่ต้องหยุดไปเพราะไปขัดแย้งกับธุรกิจที่เราผลิตให้กับลูกค้าบางประการ แต่ปีนี้เรามองเห็นโอกาส ที่จะกลับมาทำแบรนด์ของเราอีกครั้ง ในรูปแบบกาแฟสดฟรีชดรายแบบก้อน เจ้าแรกในไทย ถือเป็นเซกเม้นท์ใหม่ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน เชื่อว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม กาแฟสดแบบฟรีซดราย ในไทยมีผู้เล่นอยู่ประมาณ 4 แบรนด์ เช่น แม็กซิม, อโรม่า และเนสท์เล่ แต่เป็นฟรีซดรายรูปแบบเกล็ด บรรจุในขวดแก้ว ทั้งหมดเป็นการนำเข้า ซึ่งตลาดกาแฟฟรีซดรายนั้น ยังเป็นตลาดที่เล็กมากประมาณ 1-2 % ของตลาดกาแฟสำเร็จรูป 16,000 ล้านบาท

ขณะที่ "โซคิ้วบ์ - XO CUBE" ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามา และนำเสนอในรูปแบบก้อน ซึ่งถือเป็นจุดขาย สร้างความแปลกใหม่ สะดวกในการชงดื่ม เน้นเจาะกลุ่มคนวัยทำงาน และนักศึกษาที่เริ่มดื่มกาแฟ เบื้องต้นบริษัทพร้อมใช้งบ 50 ล้านบาท

 สำหรับทำการตลาด สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เน้นการแจกตัวอย่างกว่า 1 ล้านก้อนให้ได้ลองชิมทั่วประเทศ อีกส่วนหนึ่งสำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง และสุดท้ายคือการออกบูท ตามงานและออฟฟิศบิวดิ้วต่างๆ
ขณะที่ช่องทางจำหน่ายนั้น ระยะแรกจะเริ่มจากโมเดิร์นเทรดก่อน อย่าง โลตัส และอื่นๆ รวมถึงมาร์เก็ตเพลส อย่าง ลาซาด้า และช้อปปี้ เป็นต้น โดยจะมีออกมาทั้งหมด 3 รสชาติ รวม 4 SKU คือ XO CUBE 3-in-1 ขนาด 4 ชิ้น และ 10 ชิ้น, XO CUBE Mocca และ XO CUBE Americano เฉลี่ยราคา 8.6-10 บาทต่อก้อน มั่นใจว่าปีแรกจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท จากนั้นเชื่อว่าจะเติบโตปีละ 5-7% ต่อเนื่องทุกปี


ทั้งนี้ XO CUBE ยังพร้อมทำตลาดต่างประเทศไปพร้อมๆกันด้วย เช่น USA ได้เข้าไปร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่ที่นั่น และได้ส่งสินค้าล็อตแรกออกไปแล้ว จะเริ่มทำการตลาดที่แคลิฟอร์เนียเป็นแห่งแรก ส่วนในย่านนี้กำลังเจรจากับทางเวียดนามอยู่ ตามด้วยลาว เพราะทั้ง 2 ประเทศ เรามีความพร้อมเรื่องพาร์ทเนอร์อยู่แล้ว อีกทั้งเป็นประเทศที่บริโภคกาแฟในอัตราที่สูงกว่าคนไทย คาดว่าปลายปีนี้น่าจะได้เห็น

นายปิติพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากแผนการรุกแบรนด์ตัวเอง (Own Brand))ในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะส่งผลต่อรายได้รวมปีนี้เพิ่มเป็น 560 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 40% มาจาก คิง คอฟฟี่ 200 ล้านบาท, ฟรีซ แอนด์ ดาย 160 ล้านบาท และสเปย์ ดาย 200 ล้านบาท อนาคตยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมา ภายใต้แบรนด์ XO CUBE เช่น ชาฟรีซดรายรูปแบบก้อนหรือ กาแฟเพื่อสุขภาพฟรีซดรายรูปแบบก้อน เป็นต้น.