กบน.เคาะปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตรส่งผลให้ราคาแตะระดับราว 33.50 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 24 มี.ค.เป็นต้นไป หลังราคาดีเซลตลาดโลกลดลง นับเป็นการปรับลดในรอบที่ 3 พร้อมเกาะติดรายสัปดาห์หากตลาดโลกลดลงต่อเนื่องก็มีลุ้นที่จะปรับลดลงอีก
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วานนี้ (16 มี.ค.) ได้เห็นชอบปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตรจากเดิมเฉลี่ยราคาที่ 34 บาทต่อลิตรเป็นราว 33.50 บาทต่อลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่ 24 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อลดภาระรายจ่ายให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในการปรับลดราคาขายปลีกเนื่องจากราคาดีเซลตลาดโลกเฉลี่ย มี.ค.อยู่ที่ราว 102 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยปรับลดลงจากราคาเฉลี่ยในเดือน ก.พ. 66 ที่อยู่ราว 103 เหรียญต่อบาร์เรล ประกอบกับกระทรวงการคลังได้พิจารณาขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลต่อไปอีก 2 เดือนจากสิ้นสุด 21 พ.ค. เป็น 20 ก.ค. 66 จากเดิมที่กังวลว่านโยบายนี้อาจจะไม่อาจเปลี่ยนได้จากการยุบสภา ขณะเดียวกัน ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ได้ติดลบต่ำกว่าระดับ 1 แสนล้านบาท
“ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทาง สกนช.เห็นว่าน่าจะเสนอ กบน.เห็นชอบลดราคาขายปลีกลงเป็นรอบที่ 3 ส่วนการที่ต้องมีผล 24 มี.ค.เพราะต้องให้เวลาผู้ค้าน้ำมันเตรียมตัวเพราะไม่เช่นนั้นอาจขาดทุนสต๊อกได้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยหากติดตามราคาดีเซลตลาดโลกเดือน ม.ค. 66 เฉลี่ย 113 เหรียญต่อบาร์เรล ก.พ.ลดมาอยู่ 103 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นในเดือน ก.พ.เราจึงได้ลดราคาขายปลีกดีเซลลง 2 ครั้ง ครั้งละ 50 สตางค์ รวมเป็นการลดดีเซล 1 บาทต่อลิตรในเดือน ก.พ.” นายวิศักดิ์กล่าว
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่า หากติดตามราคาดีเซลตลาดโลกยังคงผันผวนแต่ภาพรวมเฉลี่ย มี.ค.จะอยู่ราว 102 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดย กบน.จะมีการติดตามสถานการณ์ราคาตลาดโลกใกล้ชิดทุกสัปดาห์หากมีการลดลงต่อเนื่องโอกาสที่จะเห็นดีเซลขายปลีกลดลงต่อก็มีสูงเช่นกัน แต่การพิจารณาจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ที่ยังคงมีภาระหนี้ในการชำระด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 17 มี.ค. มีการเก็บเงินจากดีเซลอยู่ที่อัตราลิตรละ 5.05 บาท ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ วันที่ 12 มี.ค. ติดลบ 99,662 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 53,290 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 46,372 ล้านบาท