“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 22 จ่ายชดเชย 3 ชนิด “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่-ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี-ข้าวเปลือกเจ้า” เงินเข้าบัญชี 15 มี.ค.นี้ เกษตรกรได้รับเงิน 7,052 ครัวเรือน ส่วนอีก 2 ชนิดไม่ต้องจ่าย เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกเหนียว ราคาทะลุเพดานประกัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 22 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 4-10 มี.ค.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่าย เพราะสิ้นสุดฤดูเก็บข้าว ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย
สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,623.27 บาท ชดเชยตันละ 376.73 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,027.68 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 10,948.43 บาท ชดเชยตันละ 51.57 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 1,289.25 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,993.54 บาท ชดเชยตันละ 6.46 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 193.80 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,216.29 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 15 มี.ค.2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 7,052ครัวเรือน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลว่าช่วงนี้การค้าข้าวภายในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายข้าวขาวเป็นหลัก โดยราคามีการปรับขึ้นลงตามความต้องการของตลาด และขณะนี้ข้าวเจ้านาปรังเริ่มที่จะออกสู่ตลาดแล้ว สำหรับข้าวชนิดอื่น ๆ ราคาทรงตัว มีการปรับลดลงเล็กน้อย ส่วนสถานการณ์การส่งออกข้าว กรมการค้าต่างประเทศให้ข้อมูลว่าการส่งออกเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยสิ้นเดือนก.พ.2566 ที่ผ่านมา สามารถส่งออกข้าวได้แล้ว 1.5 ล้านตัน เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และมีออร์เดอร์ใหม่ ๆ เข้ามา โดยคาดว่าปีนี้ จะสามารถส่งออกได้ถึง 8 ล้านตันโดยประมาณ
ส่วนการจ่ายเงินส่วนต่าง ในงวดที่ 1-21 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วจำนวน 2.615 ล้านครัวเรือน จำนวน 7,857.49 ล้านบาท และการช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.635 ล้านครัวเรือน จำนวน 53,965.93 ล้านบาท โดยเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
“กรมฯ ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569”นายอุดมกล่าว