xs
xsm
sm
md
lg

NRF ตีตลาดเอเชียฟูดในยุโรป ผุด “แบมบู รีเทล” นำร่อง UK

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - NRF เดินหน้า 3 กลยุทธ์หลัก พร้อมเปิดโมเดล เอเชีย ฟูด รีเทล ในยุโรป ประเดิม UK สหราชอาณาจักร เปิดชอปชื่อ แบมบู เข้าซื้อร้านซูเปอร์มาร์เกตเดิม 2 แห่งประเดิม เปิดทางนำวัตถุดิบและอาหารไทย เอเชีย ตีตลาดสหราชอาณาจักรมูลค่ากว่า 7,100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นอาร์เอฟ/NRF เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ตลาดอาหารเอเชียมีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีโดยเฉพาะในตลาดยุโรปซึ่งแต่เดิมก็มีแนวโน้มดีอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วคนยุโรปต้องการอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากขึ้น และมองว่าอาหารเอเชียสามารถตอบโจทย์ได้
 
โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรพบว่ามูลค่าการบริโภคร้านอาหารเอเชียอยู่ที่ 7,100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ และตลาดอาหารชาติพันธุ์ (Ethnic Food Market) มีมูลค่าอยู่ที่ 2,990,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้บริโภคกลุ่มอาหารชาติพันธุ์กว่า 90% เลือกที่จะบริโภคอาหารกลุ่มนี้ที่บ้าน ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์อาหารเอเชียก็ยังจำหน่ายได้นอกจากในร้านอาหาร และอีก 54% รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และ 29% รับประทานอาหารเย็นเป็นอาหารจากพืช


ขณะที่มูลค่าการส่งออกของสินค้าเกษตรและสินค้าอาหารของไทยในปี 2565 มีมูลค่าอยู่ที่ 1,553,822 ล้านบาท และในปี 2566 ตลาดส่งออกมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 10,281,109,608 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 2%

ดังนั้น แผนธุรกิจในปี 2566 นี้จะใช้งบประมาณลงทุนรวมมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจรองรับกับเทรนด์ดังกล่าว ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ

1. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ต่อยอดสู่ออมนิแชนเนล โดยมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์ม food retailing เพื่อการส่งออกครอบคลุมทั้งออนไลน์ที่เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซและต่อยอดสู่ Omni-Channels ที่เป็นร้านจำหน่ายสินค้าเอเชีย (Asian Grocery Store) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงและกว้างขวางให้แก่สินค้าเอเชียในตลาดยุโรป สร้างโอกาสให้แก่ผู้ส่งออกไทยทั้งรายใหญ่และรายย่อยส่งออกสู่ตลาดยุโรปโดยผ่านคนกลาง ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัย ที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเอเชียได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในธุรกิจ

โดยวางแผนเปิดร้านค้าปลีกวัตถุดิบอาหารเอเชียชื่อว่า แบมบู (BAMBOO) ในปีนี้อย่างต่ำ 5 แห่งในลอนดอน ขณะนี้มีการเจรจา (Letter of Intent / LOI) ซื้อร้านค้าปลีกสองแห่งแล้วคาดว่าจะสรุปเร็วๆ นี้ โดยทั้งสองแห่งนี้มียอดขายรวมกว่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 3 สาขาคาดว่าจะก่อสร้างเองเปิดช่วงปลายปี มีแบบแคชแอนด์แคร์รีประมาณ 70 ล้านบาทต่อสาขา และแบบซูเปอร์มาร์เกตขนาดเล็กประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา

นอกจากจำหน่ายสินค้าของเครือบริษัทเองแล้ว ยังเปิดกว้างให้สินค้าแบรนด์อื่นที่เป็นของคนไทยและเอเชียเข้ามาจำหน่ายได้ด้วย โดยรับบริหารแบบเทิร์นคีย์ โดยคิดรายได้แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกัน ขณะที่มีซัปพลายเออร์กว่า 10 รายแล้วที่เจรจากัน โดยร้านแบมบูนี้จะเจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม คือ คนเอเชียในอังกฤษ คนต่างชาติในอังกฤษที่ชอบอาหารไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ


2. ธุรกิจสเปเชียลตี้ฟูด (Specialty Food) ซึ่งจะมีการผลักดันสินค้าในเครือออกสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยมีพระเอก 2 กลุ่มคือ 2.1 ซอสพริก ด้วยการขยายฐานผลิตซอสพริกในสหรัฐอเมริกา รองรับตลาดซอสพริกในสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าอยู่ที่ 101,200 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และ 2.2 ชูผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ส่งออก 5 ประเทศ อเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย อินเดีย และกลุ่มตะวันออกกลาง และมีแผนจะเข้าโมเดิร์นเทรดในหลายประเทศ สอดรับกับตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงโปรตีนทางเลือกที่มีส่วนแบ่งการตลาด 23.4% เมื่อเทียบกับตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสูตรทั่วไป และในอนาคตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงทางเลือกจะมีอัตราความต้องการที่มากขึ้น

3. ธุรกิจ Climate Action การขับเคลื่อนบริษัทสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ต้องการเปลี่ยนโลกให้ยั่งยืนด้วยธุรกิจ Decarbonization ที่ได้เข้าลงทุนใน frontline technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนขั้นสูง มีแผนตั้งจังหวัดลำพูนที่นับเป็นต้นน้ำที่สำคัญของบริษัท ซึ่งผลิตภัณฑ์ Bio Carbon มีส่วนช่วยในการพัฒนาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ส่งเสริมให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพและสามารถดักจับคาร์บอนในกระบวนการเกษตร

“ในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท เรามีเป้าหมายสำคัญที่จะรุกตลาดส่งออกมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมแกร่งให้แก่บริษัทยิ่งขึ้น และเรามุ่งมั่นที่จะเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่จะสามารถสร้างโอกาสและเป็นทางออกให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกของไทย ซึ่ง NRF ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ผลิตอาหารชั้นนำบนพื้นฐานด้าน ESG พร้อมขับเคลื่อนบริษัทไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emission ภายในปี 2573” นายแดนกล่าว
























กำลังโหลดความคิดเห็น