ผู้จัดการรายวัน 360 - “มาร์ส เพ็ทแคร์” ยักษ์ใหญ่อาหารสัตว์เลี้ยงของโลก ทุ่มงบ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เปิด “APAC Pet Center” หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงครบวงจรแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง หวังเป็นฮับในการวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงป้อนตลาดในไทยและอีกกว่า 30 ตลาดในเอเชียแปซิฟิก
ดร.จารึก ศรีเกียรเด่น ผู้อำนวยการด้านวิจัยและพัฒนาประจำภูมิภาคเอเซีย บริษัทมาร์สเพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มาร์ส เพ็ทแคร์ ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ 88 ปี ได้สร้างสรรค์แบรนด์ต่างๆ เกือบ 50 แบรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและโภชนาการของสัตว์เลี้ยงทั่วโลก ขณะที่ในไทยเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2543 ผ่านการผลิตและจัดจำหน่ายเอง เช่น แบรนด์ PEDIGREE, WHISKAS, IAMS, CESAR, SHEBA, TEMPTATIONS รวมทั้งทรายอนามัยสำหรับแมวแบรนด์ CATSAN เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิดที่ผ่านมาพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กและแมวเป็นลูกมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ของทั่วโลกด้วย ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น การดูแลและการให้อาหารจึงเปลี่ยนไป จากเดิมจะเป็นกลุ่มอาหารเม็ดที่ได้รับความนิยม สะดวกที่จะเททิ้งไว้ให้สัตว์เลี้ยงได้ระหว่างวันที่ออกไปทำงาน แต่ช่วงโควิดพบว่าอาหารแบบเปียกได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดปีที่ผ่านมาทางบริษัทจึงได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 350 ล้านบาท ในการเปิด “APAC Pet Center” หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงครบวงจรแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น โดยตั้งอยู่ในบริเวณโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของมาร์ส เพ็ทแคร์ ที่อมตะซิตี้ ชลบุรี พื้นที่ร่วม 10 ไร่ ถือเป็น Pet Center แห่งที่ 5 ของมาร์ส ที่มีเปิดอยู่ทั่วโลกไปแล้ว 4 แห่งก่อนหน้า
การที่เลือกเปิดในไทยนั้นเพราะไทยมีศักยภาพด้านวัตถุดิบ รวมถึงมีรายได้จากการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งในแง่ตลาดรวม และของมาร์สเองก็มีตัวเลขส่งออกจากไทยเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิกเช่นกัน
สำหรับ APAC Pet Center เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2565 ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา โดยผ่านการทดสอบจากสัตว์เลี้ยงภายในศูนย์ ซึ่งสัตว์เลี้ยงในศูนย์มีรวมกว่า 100 ตัว ประกอบด้วย สุนัข สายพันธ์ต่างๆ 43 ตัว และแมวอีก 69 ตัว ในการทดสอบและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ๆ ป้อนออกสู่ตลาดทั้งในไทยและประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกทั้งหมดต่อปีคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พัฒนาออกมาราว 4-5 รายการ
ที่สำคัญ APAC Pet Center แห่งนี้ยังช่วยลดต้นทุน ระยะเวลาในการทำงาน รวมถึงขั้นตอนในการวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงได้ดีขึ้น จากเดิมกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทย ถ้าจะพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาต้องส่งไปยังศูนย์ฯ ที่ใกล้ที่สุดคือที่เยอรมนี หรือรัสเซีย
ดร. จารึก กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงยอมรับว่ามีการแข่งขันสูง จากเทรนด์การเลี้ยงสุนัขและแมวเป็นลูกที่มีมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยต่อปีจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ภาพรวมการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยนั้นสูงถึงปีละ 70,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของมาร์สเอง ปัจจุบันมีการส่งออกไปใน 30 กว่าตลาดในเอเชียแปซิฟิก จากกำลังการผลิตของ 2 โรงงาน คือ ที่ปากช่อง รองรับ 22 ตลาด และโรงงานใหม่ที่อมตะซิตี้ ชลบุรี ที่เปิดใหม่ในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมา กับอีก 10 ตลาดใหม่ในปัจจุบัน
โดยโรงงานแห่งที่ 2 นี้ยังสามารถรองรับกำลังผลิตไปได้อีกนาน ส่วนแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของมาร์สที่มียอดขายสูงสุด 3 อันดับแรกในไทย คือ PEDIGREE, WHISKAS และ SHEBA และจากเทรนด์การเลี้ยงสุนัขและแมวมากขึ้น บริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงเข้ามาอีก โดยเฉพาะแบรนด์ที่จับกลุ่มไฮเอนด์