xs
xsm
sm
md
lg

“แม็คโคร” จัดหนักออมนิแชนเนล ดันซูเปอร์แอป Makro PRO ปูทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - แม็คโครเดินหน้าลุย ออมนิแชนเนลเต็มระบบ หลังเปิดตัวซูเปอร์แอป Makro PRO พร้อมดึง “ญาญ่า-อุรัสยา” พรีเซ็นเตอร์สร้างกระแส หวังปีนี้ดาวน์โหลด 1 ล้านราย สร้างสมดุลทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์


นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย ในเครือซีพี เปิดเผยว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีมูลค่าน้อยมาก สัดส่วนเพียงแค่ 2.7% ของระบบค้าปลีกค้าส่งโดยรวม ขณะที่ในจีนนั้นมีสัดส่วนมากถึง 45% ส่วนที่เกาหลีใต้สัดส่วนอีคอมเมิร์ซมีมากถึง 30% จากมูลค่าค้าปลีกค้าส่งทั้งระบบ ซึ่งหมายความว่าตลาดในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปมากหลังจากที่เกิดโควิด ทำให้เป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้อีคอมเมิร์ซเติบโตตามไปด้วย

“ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น แม็คโครได้มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างธุรกิจ O2O เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ล่าสุดได้เปิดตัว Makro PRO แอปพลิเคชัน สร้างมิติใหม่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย เพื่อจะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่ง Omni-channel เชื่อมต่อทุกช่องทางการซื้อขายเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการอย่างครบวงจรและไร้รอยต่อ โดยอาศัยความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำอาหารสด ความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 34 ปี และเครือข่ายการบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย แอปพลิเคชันใหม่นี้ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่เปิดพื้นที่ขายให้เอสเอ็มอีรายใหม่ๆ ได้เข้ามาร่วมมีโอกาสเติบโตร่วมไปกับแม็คโครอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ แม็คโครตั้งเป้าหมายว่ารายได้จาก O2O จะมีการเติบโตถึง 88% ในปีนี้ หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ออมนิแชนเนลเมื่อช่วงปี 2562 ก่อนโควิดจะระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันแม็คโครเป็นผู้นำทางด้านค้าส่งแบบออฟไลน์แล้วแต่ยังไม่ได้เป็นในแง่ของค้าส่งออนไลน์อย่างชัดเจน ซึ่งการเปิดตัวซูเปอร์แอป Makro PRO ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ดาวน์โหลดแอปฯ นี้สิ้นปีนี้ประมาณ 1 ล้านราย ส่วนแม็คโครแม็กเน็ตเดิมนั้นได้ยกเลิกไปโดยจะโอนย้ายเข้าสู่ซูเปอร์แอปใหม่นี้


ทั้งนี้ ได้เปิดตัว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของซูเปอร์แอป Makro PRO ด้วย พร้อมกับการปล่อยภาพยนตร์โฆษณาสร้างการรับรู้ผ่านสื่อต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นกระแสที่นำไปสู่ก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัลของแม็คโคร

ปัจจุบันแม็คโครมีฐานลูกค้าที่จดทะเบียนประมาณ 4.5 ล้านราย โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือ ผู้ประกอบการหรือบีทูบี มากกว่า 70% และมาจากกลุ่มเอนด์ยูสเซอร์ 30% ซึ่งคาดว่าปีนี้กลุ่มบีทูบีจะเพิ่มขึ้น

ขณะที่ช่องทางออฟไลน์หรือที่เป็นร้านค้าสโตร์นั้น ปัจจุบันมีประมาณ 152 สาขา กระจายอยู่ใน 66 จังหวัด บางจังหวัดเช่นเชียงใหม่มีมากถึง 5 สาขา และแบ่งเป็นรูปแบบแม็คโครฟ้ดเซอร์วิสประมาณ 30 สาขา ซึ่งปีนี้ก็ยังจะมีการขยายสาขาต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการขยายช่องทางออมนิแชนเนลอย่างจริงจัง โดยปีนี้จะเปิดเพิ่ม 10-12 สาขาใหม่เป็นขนาดกลางเฉลี่ย 4,000 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 200-300 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งในส่วนสาขานั้นจะมีสินค้าเฉลี่ย 25,000 เอสเคยู ขณะที่ช่องทางออนไลน์ผ่านแอปฯ นั้นจะมีมากกว่า 50,000 เอสเคยู


นายถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร สายงานดิจิทัล กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแม็คโคร ในการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า นำมาพัฒนาแอปพลิเคชัน “Makro PRO” ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ทั้ง สั่ง ขาย คุ้ม อย่างโปรในแอปฯ เดียว

นายถิรายุเปิดเผยถึง 5 จุดเด่นสำคัญที่เชื่อว่าจะทำให้ “Makro PRO” แอปพลิเคชัน ก้าวสู่การเป็นแอปพลิเคชันที่ครองใจผู้ประกอบการไทยมากที่สุด ประกอบด้วย

1. Seamless Omni- Channel เชื่อมต่อการให้บริการจากสาขา (ออฟไลน์) สู่บนแอปพลิเคชัน (ออนไลน์) แบบไร้รอยต่อ พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ ให้แอปพลิเคชันใช้ง่าย เชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งระบบการแสดงสินค้า ราคา และการชำระเงิน

2. New Loyalty program กับการพัฒนา Makro Pro Point ระบบสะสมคะแนน ที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าเพื่อสะสมคะแนน ได้ทั้งช่องทางแอปพลิเคชันและที่สาขาของแม็คโครทั่วประเทศ โดยทุกๆ การซื้อ 1,000 บาท จะได้ 1 Point มูลค่า 1 บาท เพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดและสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย


3. Enhance Omni-Channel Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนากระบวนการบริหารจัดการทั้งระบบ โดยเฉพาะด้านการจัดส่ง เพื่อให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถเลือกเวลารับสินค้าได้ 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงเช้า บ่าย และเย็น ตามความสะดวก

4. Data Driven ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายบุคคล (Personalization) เช่น สามารถมีโปรโมชันที่ตรงใจทุกกลุ่มมากขึ้น ตรงจุดยิ่งขึ้น

5. All in One Business Supercharging Platform เป็นแพลตฟอร์มที่เสริมพลังให้กับคนทำธุรกิจ โดยมีองค์ประกอบหลักๆ คือ เป็นแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพสะดวกสบายบนปลายนิ้ว เป็นพื้นที่ให้โอกาสในการขายสินค้า (Marketplace) สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอี ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจในทุกมิติ (Business solution) คุ้มค่าด้วยระบบสะสมคะแนน (Point Reward)






กำลังโหลดความคิดเห็น