ผู้จัดการรายวัน 360 - บมจ.โรงพยาบาล อินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (“IMH”) เดินเกมรุก ผุดเมกะโปรเจกต์บนพื้นที่ดินเกรดเอ ย่านแบริ่ง โดยผนึกกำลังกับ “พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์” อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ปูทางสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง สู่การลงทุนเมกะโปรเจกต์ยักษ์ ภายใต้ชื่อ "IMH Medical Hub" ย่าน BTS แบริ่ง กว่า 12 ไร่ พร้อมส่งซิกจ่อเจรจาระหว่างพาร์ตเนอร์ระดับโรงพยาบาล เบอร์ต้นๆ เข้าร่วมลงทุน-แบ่งกำไร หวังดัน “IMH” ติด TOP 3 กลุ่ม รพ.ชั้นนำของประเทศ
ดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (“IMH”) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ ได้เตรียมปรับโครงสร้างกลุ่ม โดยแชร์ทรัพยากรร่วมกัน (synergy) ภายในกลุ่ม IMH ซึ่งประกอบด้วย (1) โรงพยาบาลอินเตอร์เมดฯ (2) โรงพยาบาล IMH ธนบุรี (3) โรงพยาบาล มเหสักข์ ย่านสีลม ที่เพิ่งซื้อกิจการเข้ามาใหม่ เพื่อปูทางสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งไปสู่การลงทุนเมกะโปรเจกต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "IMH Medical Hub" ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2568 สู่การปูทางเพื่อก้าวเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจโรงพยาบาล TOP 3 ในกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำของปะเทศ
ล่าสุดกลุ่มโรงพยาบาล IMH ได้ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาว 30 ปี (ต่อได้อีก 30ปี รวม 60 ปี) ที่ดินเกรดเอ 12 ไร่ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง (สายสุขุมวิท) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้นปี 2566 นี้ IMH จะเริ่มพัฒนาที่ดินแปลงนี้ร่วมกับกลุ่มคุณพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และประธานกฎบัตรไทย ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จในวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพัฒนาเมกะโปรเจกต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "IMH Medical Hub" ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 phase ดังนี้
Phase 1 คาดว่าจะเปิดให้บริการในครึ่งปีหลังของปี 2568 ประกอบด้วย 1) โรงพยาบาล IMH แบริ่ง ขนาด 200 เตียง รองรับคนไข้เงินสด และสิทธิประกันสังคม (2) อาคาร Retail space (3) ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง & Wellness Center
ส่วน Phase 2 คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2571 ประกอบด้วย 1) โรงพยาบาล IMH International ขนาด 400 เตียง รับคนไข้เงินสด และต่างชาติ และ 2) ศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยและกายภาพบำบัด
ทั้งนี้ ดร.สิทธิวัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ เมกะโปรเจกต์ “IMH Medical Hub” มีจุดเด่นคือ (1) ที่ตั้งโครงการมีศักยภาพสูง และพื้นที่มีขนาดใหญ่ถึง 12 ไร่ จึงสามารถจะขยายธุรกิจทางการแพทย์ได้หลากหลาย และดึงดูดพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์มาร่วมลงทุน-แบ่งกำไร ทำให้ธุรกิจแต่ละส่วนในพื้นที่โครงการอยู่แบบพึ่งพิงกันได้อย่างครบวงจร ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไข้เข้ามาใช้บริการในหลายรูปแบบ และสามารถ cross-sell บริการต่างๆ ในโครงการได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้เปรียบโรงพยาบาลอื่นๆ ที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ซึ่งทำให้การขยาย รพ.เป็นไปได้ยาก
(2) ที่ตั้งโครงการอยู่ติด BTS แบริ่ง ไป-มาสะดวก สามารถรับคนไข้ได้ทั้งกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ พร้อมที่จอดรถกว่า 800 คัน และโครงการนี้ยังได้รับการ refer ฐานลูกค้าจาก รพ.อื่นในเครือ IMH อีกด้วย
(3) การระดมลงทุนสำหรับโครงการนี้ เน้นการลงทุนทีละเฟส โดยใช้เงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม IMH อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์ เช่น โรงพยาบาลเบอร์ต้นๆ ของประเทศ มาร่วมลงทุน-แบ่งกำไร ซึ่ง IMH จะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามส่วนธุรกิจที่พาร์ตเนอร์ เข้ามาลงทุนเพื่อรับรู้รายได้เร็วและคืนทุนเร็ว
(4) ทางด้านการแพทย์และจัดหาบุคลากรวิชาชีพนั้น กลุ่ม IMH ได้มอบหมายให้ นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย กรรมการ และประธานที่ปรึกษาของกลุ่ม รพ.ฯ ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์/สาธารณสุข และปัจจุบันเป็นนายกแพทยสมาคมฯ เป็นผู้ดูแล ให้มีแพทย์และวิชาชีพที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและมีประสบการณ์สูง ให้เพียงพอต่อจำนวนคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น
(5) ทางด้าน Retail space นั้น กลุ่ม IMH ได้มอบหมายให้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร กรรมการกลุ่ม รพ.ฯ ที่มีประสบการณ์ด้านการค้าการพาณิชย์ เป็นผู้ดูแล โดยเบื้องต้น IMH จะให้เช่าพื้นที่ Retail space ซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ที่มีคนเข้า-ออกเป็นจำนวนมากทุกวัน จะออกแบบให้เป็นพื้นที่ Retail Mall จำหน่ายสินค้า/บริการ เกี่ยวกับสุขภาพทุกประเภท ตั้งเป้าให้เป็น Organic Market Place ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และจะเปิดให้บริการได้ทันที ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาล โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดินในส่วนที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง เพื่อให้เกิดการทำรายได้สูงสุด
"สำหรับรายได้ของเมกะโปรเจกต์ "IMH Medical Hub" ได้ตั้งเป้าไว้แตะระดับ 5,000 ล้านบาทใน 5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางนโยบายของภาครัฐที่จะดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในระยะใกล้นี้" ดร.สิทธิวัตน์กล่าว