เปิดเวที 3 ก.พ.นี้ ประชาพิจารณ์ราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 ที่ 1,080 บาทต่อตันความหวาน 10 ซีซีเอส เท่ากันทั่วประเทศ หลัง กบ.เคาะเห็นชอบซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ชาวไร่ภาคอีสานถกหาข้อสรุป 1 ก.พ.ก่อนลุยเข้าร่วมเวที แย้มต้องการประกาศเป็นรายเขตเหตุอีสานได้สูงกว่า ชี้แม้ราคาอ้อยจะสูงแต่ต้นทุนสูงกว่ามาก ด้าน "กอน." ถกเคาะชี้ขาด 6 ก.พ.
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการบริหาร (กบ.) ได้เห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้น ปี 65/66 อัตรา 1,080 บาทต่อตันที่ค่าความหวาน 10 ซีซีเอสเท่ากันทั่วประเทศ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จะมีการเปิดประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นจากสถาบันชาวไร่อ้อยและสมาคมโรงงานน้ำตาลทรายในวันที่ 3 ก.พ.นี้ก่อนที่จะเสนอกลับไปยัง กบ.เห็นชอบในวันเดียวกัน จากนั้นจะนำเข้าสู่ความเห็นชอบจาก กอน.ที่เบื้องต้นกำหนดไว้ในวันที่ 6 ก.พ. เพื่อประกาศบังคับใช้ตามขั้นตอนต่อไป
“ราคาอ้อยขั้นต้นดังกล่าวถือว่าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากเดิมที่ทำไว้ที่ 1,070 บาทต่อตันเมื่อฤดูหีบปี 2564/65 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คงจะต้องรอฟังการประชาพิจารณ์ก่อนเนื่องจากยอมรับว่าตามระเบียบกฎหมายแล้วการคำนวณราคาอ้อยจะต้องไม่เกิน 95% ของราคาประมาณการ แต่ราคาดังกล่าวพบว่าบางเขตเกิน อาจเป็นไปได้ที่การประกาศจะเป็น 2 ราคา ซึ่งคงจะต้องฟังเสียงชาวไร่อ้อยจากการประชาพิจารณ์แต่โรงงานน้ำตาลจะทดรองจ่ายที่ 1,080 บาทต่อตัน” นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับการที่ สอน.ได้ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานอีก 1.75 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขาวหน้าโรงงานเป็น 19 บาทต่อ กก. และขาวบริสุทธิ์อยู่ที่ 20 บาทต่อ กก. เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี 65/66 มีผลตั้งแต่ 20 ม.ค. 66 นั้น เบื้องต้นจะจัดสรรเงินดังกล่าวนำส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) อัตรา 1 บาทต่อ กก. เพื่อทำให้ กท.ชำระหนี้คงค้างและสะสมเพื่อไว้ดูแลเสถียรภาพราคาอ้อยต่อไป
นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน กล่าวว่า วันที่ 1 ก.พ.ชาวไร่อ้อยภาคอีสานจะหารือถึงแนวทางการประชาพิจารณ์ราคาอ้อยขั้นต้นปี 2565/66 ที่ กบ.เห็นชอบ 1,080 บาทต่อตันทั่วประเทศที่ 10 ซีซีเอส ซึ่งเบื้องต้นเห็นว่ามี 2 เขต (เขต 2 และ 4) ที่ได้ต่ำ ขณะที่ภาคอีสานภาพรวมได้ราคาสูงกว่าราคาดังกล่าวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,100 บาทต่อตัน ซึ่งภายใต้กฏหมายใหม่ (พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายปี 65) กำหนดให้การคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นคิดที่ 95% ของราคาประมาณการ ต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การประกาศต้องไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาประมาณการ จึงต้องยึดตามกฎหมายใหม่ด้วยเพราะมีบางเขตเกิน 95%
“เราก็คงต้องหารือ โดยก่อนหน้านี้เราได้เคยเสนอให้ประกาศราคาอ้อยเป็นรายเขต ซึ่งคงต้องสรุปจากเสียงส่วนใหญ่เพื่อนำไปเสนอในเวทีประชาพิจารณ์ 3 ก.พ.นี้อีกครั้ง ส่วนราคาอ้อยที่ 1,080 บาทต่อตันแม้จะสูงสุดแต่ก็สูงกว่าปีก่อนแค่ 10 บาทต่อตันท่ามกลางต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น การคำนวณราคาเองก็ต้องประเมินถึงภาพรวมต่างๆ และสำคัญคือต้องมองข้อเท็จจริงของราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 65/66 เพราะหากต่ำกว่าจะกลายเป็นปัญหาเพราะจะไม่มีเงินจากที่ไหนมาชดเชยให้” นายธีระชัยกล่าว
รายงานข่าวการหีบอ้อยและผลิตน้ำตาลทรายประจำปี 65/66 จากโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศไทย จำนวน 57 แห่งที่ทยอยเปิดหีบตั้งแต่ 1 ธ.ค. 65 จนถึง 24 ม.ค. 66 พบว่ามีปริมาณอ้อยเข้าหีบเฉลี่ย 1,144,812 ตันต่อวันปริมาณอ้อยสะสม 42,420,551 ตัน ความหวานอ้อยเฉลี่ย 12.71 ซีซีเอส สัดส่วนอ้อยสดเฉลี่ย 70.71% ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 107.41 กก.น้ำตาลต่อตันอ้อย ผลผลิตเฉลี่ยที่ 10 ซีซีเอส 84.53 กก.น้ำตาลต่อตันอ้อย
