“กอน.” เคาะราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 64/65 เฉลี่ยทั่วประเทศที่ 1,106.40 บาท/ตัน ทำให้ชาวไร่อ้อยรับส่วนเพิ่ม 36.40 บาท/ตัน เร่งกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 ต่อไป
นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ที่มีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ได้จัดการประชุมเพื่อขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ในการดูแลชาวไร่ตลอดจนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ รวมทั้งเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับวาระหลักในการประชุมนัดนี้ คือ การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2564/2565 เฉลี่ยทั่วประเทศที่ราคา 1,106.40 บาท/ตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซีซีเอส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ที่อยู่ที่ 1,070 บาท/ตัน ส่งผลให้ขาวไร่อ้อยมีรายรับเพิ่มขึ้น 36.40 บาท/ตันอ้อย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายที่ราคา 474.17 บาท/ตัน
“การที่ชาวไร่มีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถเพิ่มกำลังซื้อในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง ส่วนการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2565/2566 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งชาวไร่และโรงงาน เมื่อได้ตัวเลขแล้วจะมีขั้นตอนการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียและสรุปตัวเลขเสนอ กอน.ต่อไป” นายภานุวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุม กอน.ได้มีการเน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำหนดเป้าหมายลดการเผาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็น 0% โดยเน้นให้ชาวไร่และโรงงานน้ำตาลร่วมมือกับภาครัฐดำเนินการเพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้แก่คนไทยในช่วงที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 และยังเป็นการหนุนภาคเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่ล่าสุด เพิ่มเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 เป็น 25 ล้านคน อัปเดตล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565-15 มกราคม 2566 พบว่ามีปริมาณอ้อยเข้าหีบแล้วกว่า 32 ล้านตันอ้อย และในจำนวนนี้เป็นอ้อยที่ถูกลักลอบเผากว่า 9.2 ล้านตันอ้อย หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 28.73%
“จากตัวเลขดังกล่าวโดยเฉพาะสัดส่วนการลักลอบเผาที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤต ทั้งสถานการณ์ด้านสภาพอากาศที่ได้รับผลกระทบจากการเผาไหม้ กระทบต่อสุขภาพประชนชนและภาคการท่องเที่ยวโดยตรง และยังเป็นตัวเลขที่สะท้อนอย่างชัดเจนว่ามีชาวไร่และโรงงานน้ำตาลจำนวนหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือในการดูแลสุขภาพคนไทย ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการต่อเกษตรกรชาวไร่ที่ลักลอบเผา และโรงงานน้ำตาลที่สนับสนุนการเผา โดยไม่สนใจสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ" นายภานุวัฒน์กล่าว
จากข้อมูลลักลอบเผาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 ยังพบว่ามี 5 จังหวัดที่เผาอ้อยสูงสุด ดังนี้ นครราชสีมา 1.2 ล้านตัน อุดรธานี 0.78 ล้านตัน กาฬสินธุ์ 0.76 ล้านตัน ขอนแก่น 0.66 ล้านตัน และสุพรรณบุรี 0.57 ล้านตัน ตามลำดับ ขณะที่ 5 กลุ่มบริษัทที่รับอ้อยเผามากสุด ดังนี้ กลุ่มบริษัทมิตรผล (7 โรง) 1.83 ล้านตัน กลุ่มบริษัทไทยรุ่งเรือง(10 โรง) 1.57 ล้านตัน กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่น (5 โรง) 0.94 ล้านตัน กลุ่มบริษัทวังขนาย (4 โรง) 0.78 ล้านตัน และกลุ่มบริษัทเอราวัณ (2 โรง) 0.57 ล้านตัน ตามลำดับ